เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม
*export from x
---------------------------------------------------------------
Devine, the warrior of the north
[side]
Midnight break
---------------------------------------------------------------
Guest
---------------------------------------------------------------
ห้อง หับในเมืองเหมันต์แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากปราการสีเทาของวินเทอร์เฟล เนื่องด้วยความอบอุ่นทั้งหลายไม่ได้กระจายอยู่ตามกำแพง หากแต่มีที่มาจากเตาผิงเล็กๆที่ปะทุไฟสีส้มแดง ไม่แปลกเลยที่เหล้ารัมจะเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และหอนางโลมสร้างรายได้ไม่สิ้นสุดให้กับใครก็ตามที่เป็นเจ้าของมัน
“ข้านึกว่าจะถูกหลงลืมไปเสียแล้ว”
น้ำเสียงหวานแสร้งตัดพ้อดังมาจากร่างของสาวงามภายใต้เส้นผมลอนยาวสยาย รอยยิ้มบางๆถูกส่งมาให้อย่างที่เขาเห็นมาตลอดห้าปี
ดี ไวน์เคยได้ยิน...และเห็นจริตที่ต่างไปของนางเมื่ออยู่กับลูกค้าคนอื่น ซานย่ารู้ดีเสมอว่าควรจะวางตัวแบบใดกับใคร และนอกจากความสามารถในเรื่องนั้น เสื้อผ้าบางเบาก็ทำให้เขาสรุปว่าหญิงสาวมีความสามารถในการทนอากาศหนาวได้ มากกว่ามนุษย์ทุกคนในเมืองเหมันต์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง....เมื่อมันต้องถูกปลดออกจนหมดสิ้นในไม่ช้า
“มี เรื่องมากมายเกิดขึ้น” เขาเอ่ยเรียบๆ วางแก้วที่เหลือเหล้ารัมเพียงเล็กน้อยลงบนโต๊ะข้างเตียง ขณะที่หญิงสาวเคลื่อนไหวมืออย่างแคล่งคล่องงดงามเพื่อจุดเครื่องหอมห่างไป ไม่ไกล
“ข้าก็ได้ยินมาเช่นนั้นเหมือนกัน” ซานย่ายังคงแต่งแต้มใบหน้าด้วยรอยยิ้มจาง เธอก้มลง...สูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออกช้าๆ สายลมเบาพัดส่งให้กลิ่นหอมนั้นกระจายไปในอากาศของห้องคับแคบ แสงไฟเต้นระริกอยู่ใกล้ใบหน้า ขับให้ผิวสีขาวละเอียดงดงามยิ่งแลดูลึกลับ ซึ่งรวมความทั้งคำว่า ‘น่าค้นหา’ ‘เย้ายวน’ และ ‘อันตราย’
“เรามักจะได้ยินข่าวอะไรมากมายในที่แบบนี้....จริงไหม?” นางยกมือขึ้นป้องปาก น้ำเสียงนั้นติดจะขบขัน
ดีไวน์เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ไม่ได้ตอบคำ เมื่ออยู่กับคนตรงหน้า...ความเงียบเป็นทางเลือกของเขาได้เสมอหากต้องการ
"ว้า"
ซานย่าส่งเสียงเบาๆโดย
ไม่เปลี่ยนสีหน้า หรืออย่างน้อยดีไวน์ก็ไม่เห็นว่านางทำเช่นนั้น
อันที่จริงชายหนุ่มเชื่อว่านางไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำตอบของเขานัก
ร่างบอบบางเพียงจัดถ้วยกำยานให้แน่ใจว่าอยู่ในที่ของมัน
แล้วจึงขยับตัวอย่างเชื่องช้าละจากโต๊ะที่กลางห้อง
นางทรุดตัวลงนั่งบนเตียงห่างจากเขาเพียงหนึ่งช่วงแขน
ขาทั้งสองไขว้กันเผยให้เห็นต้นขาเนียนขณะเอ่ยปากถามคำถามอื่นต่อ
“ข้าได้ยินมาว่าเราจะขาดแคลนลูกพรุนไปอีกอย่างน้อยสามปี?”
ดีไวน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้ความหมายที่อีกฝ่ายพยายามสื่ออย่างไม่ยากเย็นอะไร
ผล พลัมเป็นความภาคภูมิใจของลอร์ดอุมเบอร์ และจากที่เขารู้...ดูเหมือนไร่ในส่วนนั้นของลอร์ดแห่งลาสเฮิร์ธจะถูกเผาเสีย หายไปมากเมื่อสัปดาห์ก่อน
“ข้าคิดว่าเราอาจจะพอหามันได้อีกบ้างจาก ที่อื่น” เขาเอ่ยตอบ รู้ดีว่ามันเป็นการยืนยัน ใบหน้าผู้เป็นนักรบยังคงเรียบเฉยต่างกับน้ำเสียงที่ดูเคร่งเครียดขึ้นเล็ก น้อย “นั่นเป็นเรื่องที่เจ้ากำลังสนใจเหรอซานย่า?”
“ข้าแค่อยากจะ รู้ถ้าจะไม่ได้กินมันไปอีกนานพอสมควร” นางเอียงคอน้อยๆอย่างมีจริต ท่าทางสบายๆราวกับไม่เห็นเป็นเรื่องสลักสำคัญ ทว่าดวงตายังฉายแววใคร่รู้ “เป็นฝีมือคนเถื่อนที่ท่านลอร์ดได้ตัวไว้หรือเปล่า?”
ดีไวน์จ้องตอบอีกฝ่าย...พยายามค้นหาสิ่งอื่นภายในนั้น หากแต่เพียงไม่นานก็ถอนหายใจเบาๆ
เมสเตอร์ลูเธอร์ทำเรื่องนี้ได้ดีกว่าเขา
“เห็นได้ชัดว่าเรามีข่าวมากมายที่นี่จริง”
นางโลมเลื่องชื่อยิ้มอย่างขบขัน ไม่ซักไซ้อะไรเพิ่มเติม
ดี ไวน์ไม่มีคำพูดใด และซานย่าก็ตอบด้วยความเงียบ ทว่ามันไม่ได้ทิ้งตัวระหว่างพวกเขานาน เพราะหญิงสาวใช้เวลาแค่เล็กน้อยเพื่อล้วงเข้าไปในซอกหลืบของผืนผ้าบางเบาที่ ปกคลุมตนเองและดึงสิ่งหนึ่งออกมา
“รางวัลที่ช่วยตอบคำถามก่อนหน้า ข้ามีของขวัญจะให้”
กระดาษ สีเหลืองอ่อน...หรืออาจจะขาว...ดีไวน์ไม่แน่ใจนักเพราะมันถูกอาบไล้ด้วยแสง ไฟอยู่ในมือของหญิงสาว เขามองมันสลับกับใบหน้าหวานที่เอ่ยถ้อยคำเป็นเชิงอธิบายเพิ่มเติม
“จากสหายที่แวะมาและจากไปแล้ว”
เขารับแผ่นกระดาษนั้นมาจากนาง มันถูกพับอย่างง่ายๆเพียงสองทบ ไม่ได้อยู่ในซองปิดผนึก ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะบรรจุความลับใดๆ
นักรบแห่งวินเทอร์เฟลนิ่งอยู่ราวกับกำลังชั่งใจ...
ไหล่บางไหวขึ้นลงพร้อมเสียงหัวเราะน้อยๆ มือเล็กๆหยอกล้อกับปลายผมที่ต้นคอของชายหนุ่มเล่นเช่นเดียวกับที่เคยทำตั้งแต่แรกพบ
“ถ้าจะทำให้เจ้าตัดสินใจง่ายขึ้น ข้าอ่านมันไปแล้วล่ะ”
สิ้น คำนั้นชายหนุ่มจึงได้จัดการคลี่มันออก แสงไฟในห้องมืดสลัว แม้กระนั้นก็ยังเพียงพอให้เขาอ่านตัวอักษรที่รวมกันเป็นประโยคสั้นๆ กับลายมือที่เห็นครั้งใดก็ต้องบอกกับตนเอง... ว่ามันสวยงามเสียจนไม่เหมาะกับผู้เป็นเจ้าของแม้แต่น้อย
‘ข้าจะลองหาดู’
ดี ไวน์หวนคิดถึงใบหน้ายียวนของสหายตน ยามที่เขาคุยกับอีกฝ่ายเมื่อเกือบสองเดือนก่อน ดวงตาสีม่วงไหวระริกขณะรับฟังพร้อมกับเครื่องดื่มแก้วโต ทว่าจนแล้วจนรอดเจ้านั่นก็ไม่ยอมรับปากในเรื่องที่เขาขอให้ทำ
นิสัยเสียแก้ไม่หาย…แต่เฮสท์ก็ยังเป็นเช่นเดิม...และดีไวน์เชื่อในสิ่งนั้นเสมอมา
“เขาบอกให้ข้ารอให้ผ่านเวลาไปสักนานๆหน่อย หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่คิดว่าเจ้าสมควรได้รับมัน”
“ข้าคงต้องขอบคุณ....ซานย่า....ที่เจ้าไม่เห็นว่ามันควรเป็นหลังจากนี้ไปนานนัก”
ดี ไวน์เก็บกระดาษในกระเป๋าเสื้อคลุมพร้อมค่อมหัวลงเล็กน้อยเพื่อย้ำคำขอบใจของ ตน อย่างไรก็ตามหญิงสาวดูเหมือนจะไม่ได้สนใจในเรื่องนั้น ร่างบอบบางเคลื่อนเข้ามาอ้อยอิ่งอยู่เบื้องหน้า สัมผัสจากอีกฝ่ายแผ่วเบาทว่าช่ำชอง นำความนุ่มนวลและกลิ่นหอมหวานของเรือนกายกระตุ้นประสาทสัมผัสของเขา
กลิ่น หอมที่เคยคุ้น ซึ่งแม้จะยิ้มด้วยแววตากึ่งขบขัน แต่หล่อนก็ยอมใส่ทั้งน้ำหอมและจุดกำยานชนิดเดียวซ้ำซากไม่เคยเบื่อมาตลอดสาม ปี...
“ทีนี้.....” ปลายนิ้วเรียวไล้ตามใบหน้าลากมายังลำคอ พร้อมเสียงกระซิบที่ราวกับจุมพิต
“มาทำเรื่องที่ทำให้เจ้ามาหาข้า”
“ข้าได้ยินมาว่าเราจะขาดแคลนลูกพรุนไปอีกอย่างน้อยสามปี?”
ดีไวน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้ความหมายที่อีกฝ่ายพยายามสื่ออย่างไม่ยากเย็นอะไร
ผล พลัมเป็นความภาคภูมิใจของลอร์ดอุมเบอร์ และจากที่เขารู้...ดูเหมือนไร่ในส่วนนั้นของลอร์ดแห่งลาสเฮิร์ธจะถูกเผาเสีย หายไปมากเมื่อสัปดาห์ก่อน
“ข้าคิดว่าเราอาจจะพอหามันได้อีกบ้างจาก ที่อื่น” เขาเอ่ยตอบ รู้ดีว่ามันเป็นการยืนยัน ใบหน้าผู้เป็นนักรบยังคงเรียบเฉยต่างกับน้ำเสียงที่ดูเคร่งเครียดขึ้นเล็ก น้อย “นั่นเป็นเรื่องที่เจ้ากำลังสนใจเหรอซานย่า?”
“ข้าแค่อยากจะ รู้ถ้าจะไม่ได้กินมันไปอีกนานพอสมควร” นางเอียงคอน้อยๆอย่างมีจริต ท่าทางสบายๆราวกับไม่เห็นเป็นเรื่องสลักสำคัญ ทว่าดวงตายังฉายแววใคร่รู้ “เป็นฝีมือคนเถื่อนที่ท่านลอร์ดได้ตัวไว้หรือเปล่า?”
ดีไวน์จ้องตอบอีกฝ่าย...พยายามค้นหาสิ่งอื่นภายในนั้น หากแต่เพียงไม่นานก็ถอนหายใจเบาๆ
เมสเตอร์ลูเธอร์ทำเรื่องนี้ได้ดีกว่าเขา
“เห็นได้ชัดว่าเรามีข่าวมากมายที่นี่จริง”
นางโลมเลื่องชื่อยิ้มอย่างขบขัน ไม่ซักไซ้อะไรเพิ่มเติม
ดี ไวน์ไม่มีคำพูดใด และซานย่าก็ตอบด้วยความเงียบ ทว่ามันไม่ได้ทิ้งตัวระหว่างพวกเขานาน เพราะหญิงสาวใช้เวลาแค่เล็กน้อยเพื่อล้วงเข้าไปในซอกหลืบของผืนผ้าบางเบาที่ ปกคลุมตนเองและดึงสิ่งหนึ่งออกมา
“รางวัลที่ช่วยตอบคำถามก่อนหน้า ข้ามีของขวัญจะให้”
กระดาษ สีเหลืองอ่อน...หรืออาจจะขาว...ดีไวน์ไม่แน่ใจนักเพราะมันถูกอาบไล้ด้วยแสง ไฟอยู่ในมือของหญิงสาว เขามองมันสลับกับใบหน้าหวานที่เอ่ยถ้อยคำเป็นเชิงอธิบายเพิ่มเติม
“จากสหายที่แวะมาและจากไปแล้ว”
เขารับแผ่นกระดาษนั้นมาจากนาง มันถูกพับอย่างง่ายๆเพียงสองทบ ไม่ได้อยู่ในซองปิดผนึก ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะบรรจุความลับใดๆ
นักรบแห่งวินเทอร์เฟลนิ่งอยู่ราวกับกำลังชั่งใจ...
ไหล่บางไหวขึ้นลงพร้อมเสียงหัวเราะน้อยๆ มือเล็กๆหยอกล้อกับปลายผมที่ต้นคอของชายหนุ่มเล่นเช่นเดียวกับที่เคยทำตั้งแต่แรกพบ
“ถ้าจะทำให้เจ้าตัดสินใจง่ายขึ้น ข้าอ่านมันไปแล้วล่ะ”
สิ้น คำนั้นชายหนุ่มจึงได้จัดการคลี่มันออก แสงไฟในห้องมืดสลัว แม้กระนั้นก็ยังเพียงพอให้เขาอ่านตัวอักษรที่รวมกันเป็นประโยคสั้นๆ กับลายมือที่เห็นครั้งใดก็ต้องบอกกับตนเอง... ว่ามันสวยงามเสียจนไม่เหมาะกับผู้เป็นเจ้าของแม้แต่น้อย
‘ข้าจะลองหาดู’
ดี ไวน์หวนคิดถึงใบหน้ายียวนของสหายตน ยามที่เขาคุยกับอีกฝ่ายเมื่อเกือบสองเดือนก่อน ดวงตาสีม่วงไหวระริกขณะรับฟังพร้อมกับเครื่องดื่มแก้วโต ทว่าจนแล้วจนรอดเจ้านั่นก็ไม่ยอมรับปากในเรื่องที่เขาขอให้ทำ
นิสัยเสียแก้ไม่หาย…แต่เฮสท์ก็ยังเป็นเช่นเดิม...และดีไวน์เชื่อในสิ่งนั้นเสมอมา
“เขาบอกให้ข้ารอให้ผ่านเวลาไปสักนานๆหน่อย หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่คิดว่าเจ้าสมควรได้รับมัน”
“ข้าคงต้องขอบคุณ....ซานย่า....ที่เจ้าไม่เห็นว่ามันควรเป็นหลังจากนี้ไปนานนัก”
ดี ไวน์เก็บกระดาษในกระเป๋าเสื้อคลุมพร้อมค่อมหัวลงเล็กน้อยเพื่อย้ำคำขอบใจของ ตน อย่างไรก็ตามหญิงสาวดูเหมือนจะไม่ได้สนใจในเรื่องนั้น ร่างบอบบางเคลื่อนเข้ามาอ้อยอิ่งอยู่เบื้องหน้า สัมผัสจากอีกฝ่ายแผ่วเบาทว่าช่ำชอง นำความนุ่มนวลและกลิ่นหอมหวานของเรือนกายกระตุ้นประสาทสัมผัสของเขา
กลิ่น หอมที่เคยคุ้น ซึ่งแม้จะยิ้มด้วยแววตากึ่งขบขัน แต่หล่อนก็ยอมใส่ทั้งน้ำหอมและจุดกำยานชนิดเดียวซ้ำซากไม่เคยเบื่อมาตลอดสาม ปี...
“ทีนี้.....” ปลายนิ้วเรียวไล้ตามใบหน้าลากมายังลำคอ พร้อมเสียงกระซิบที่ราวกับจุมพิต
“มาทำเรื่องที่ทำให้เจ้ามาหาข้า”
แสงไฟลามเลียผิวสีขาว
ที่เผยออกโดยไร้อาภรณ์บดบัง
กลืนกินร่างสองร่างที่ทิ้งตัวลงบนผืนผ้า...ซึ่งไม่อาจใช้เพื่อคลายความหนาว
ของแดนเหนือยามค่ำคืน
และบทสนทนาทั้งหลายก็ถูกริมฝีปากที่บดเบียดดูดกลืนหายไป..........
และบทสนทนาทั้งหลายก็ถูกริมฝีปากที่บดเบียดดูดกลืนหายไป..........
---------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น