หน้าเว็บ

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

[EBF][story] 28/03/1027 17.52

Date : 28/03/1027
Time :  17.52
Place : Frozenhyde
POV : Aidel Kreveus
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ไอเดล เครเวียส ขมวดคิ้วมุ่น ในใจนึกสงสัย ทำไมช่วงนี้รอบตัวเธอถึงมี ‘อันตราย’ ปรากฎขึ้นบ่อยนัก

ดวงตาสีแดงตวัดมองชายสามคนซึ่งกระจายอยู่เบื้องหน้าเธอ ปิดทางออกจากซอยตันแคบๆ  พวกเขามาจากที่อื่น ดูจากการแต่งตัวและเหตุผลที่ว่าเธอไม่เคยเห็นพวกเขาในเมืองนี้มาก่อน  ถึงจะไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนพื้นที่  แต่ไอเดลก็มั่นใจ เวลาเกือบปีที่มาเปิดร้านขายของ ตลาดทางฝั่งนี้ของฟรอเซนไฮด์ไม่ได้ใหญ่โตเกินกว่าที่เธอจะทำความคุ้นเคยกับ ชาวบ้านซึ่งลงรากปักฐานอยู่มาก่อน

“ข้าปิดร้านแล้ว  ถ้าจะซื้อของ พวกเจ้าคงต้องมาใหม่สัปดาห์หน้า”  ถ้อยคำจากปากแม่มดห้วนสั้น  น้ำเสียงนิ่งราบเรียบไร้ความหวาดกลัวสิ้นเชิง

“แล้วถ้าพวกข้าจะซื้อแม่ค้า จะต้องจ่ายเท่าไหร่กัน”  อีกฝ่ายตอบกลั้วหัวเราะอย่างหยาบคาย  พร้อมส่งสายตาแทะโลมตรงมาอย่างที่เธอเกลียดชังนัก

มนุษย์....ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็น่ารังเกียจเสมอ

“เขาว่าคนสวยที่แท้ต้องใจดีถูกไหม?”  คำถามขึ้นเสียงสูงพูดขึ้นลอยๆ  เหมือนคำข่มขู่เสียมากกว่าจะต้องการคำตอบจากเธอ  มือกักขฬะมือหนึ่งยื่นมาจากทางด้านหน้า  ไอเดลยกคทาขึ้นปัดมันทิ้ง ขณะที่ลูกแก้วสีแดงส่องประกายเรื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็น  

“พวกเราต้องการแค่ยา....ทิ้งกระเป๋าไว้ แล้วข้าจะให้เจ้าออกจากตรอกนี้อย่างปลอดภัย”
ชาย คนกลางที่ดูจะเป็นหัวหน้าพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หากไอเดลยังเลือกมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม  มือซ้ายของเธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าตนเอง  

ไม่ต้องเสียเวลาควานหา เธอรู้เสมอว่าขวดยาที่ต้องการอยู่ตรงไหน.....
 

“คุณทหารครับ ทางนี้ครับ มีคนกำลังรุมรังแกผู้หญิง!” 

เสียงตะโกนดังขึ้นขัดจังหวะเรียกให้คนทุกคนในที่นั้นหันไปมอง  จากปากของตรอกแคบเป็นร่างของคนคนหนึ่ง  แสงจากดวงอาทิตย์ด้านหลังทำให้มันเป็นเงาดำๆ  มองไม่ชัดเจน

“แถวนี้ไม่ใช่ฐานทัพ  ไอ้นั่นคิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน”  หนึ่งในสามพูดเยาะ  ส่งสายตาให้ชายร่างหนา  เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าเขาจึงเดินออกไปยังปากทางด้านนอก  คงจะเพื่อจัดการ ‘แขก’ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่โผล่มาขัดจังหวะ

“อ้ากกกกกกกก”

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากภายนอกไม่กี่วินาทีถัดจากนั้น  สองคนตรงหน้าเธอฉีกยิ้ม  หันมามองกันเองราวกับกำลังขบขัน

เสียงเงียบไปแล้ว  หากคนที่หายไปไม่กลับมา….

“เจ้านั่นไปไหนนานนัก”  ‘หัวหน้า’ ขมวดคิ้วมุ่นเอ่ยกับอีกคนเป็นสัญญาณให้เขาออกไปดู  ส่วนตัวเองหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ น้ำเสียงต่ำราบเรียบข่มขู่   “ข้าว่าทำให้มันจบโดยเร็วจะดีกว่า” 

ไอเดลกำลังจะดีดนิ้วเปิดขวด....
 
พลั่ก!

เสียงของหนักกระแทกพื้นเรียกความสนใจได้อีกครั้ง  ชายตรงหน้าหล่อนขยับตัวอย่างรวดเร็ว ดาบในมือที่ถูกชักออกจากฝักบ่งบอกว่าเจ้าตัวสันทัดกับการต่อสู้  เขาคงจัดการอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นได้อย่างสุขุม   หากแต่ของที่ลอยมาตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่เขาจะลงมือฟัน....

“บ้าเอ๊ย!”  เธอได้ยินเขาสบถ  ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบร่างของ ‘ลูกน้อง’ ที่ปลิวลอยมาจากปากทาง   เขาทำได้ดีทีเดียว ทรงตัวได้หลังจากเซไปเพียงเล็กน้อย  แล้วหันไปเตรียมพร้อมกับสิ่งที่อาจจะพุ่งตรงมาอีกจากเบื้องหน้า
แต่ไม่ทันแล้ว

ท่อนเหล็กขนาดพอเหมาะฟาดที่หัวเขาถนัดถนี่  ร่างใหญ่ล้มลง ถ้อยคำหยาบคายพรั่งพรูจากปากดังพร้อมกับมือใหญ่ปาดเลือดที่ไหลลงมาที่ตา  ศีรษะสะบัดราวกับจะไล่ความงุนงง   

เขาเป็นคนแข็งแรง ไอเดลมั่นใจว่าใช้เวลาเพียงชั่วครู่คงจะกลับมาต่อสู้ได้  อย่างไรก็ตามเธอไม่มีโอกาสจะเห็นต่อจากนั้น  ข้อมือขาวถูกจับรวบด้วย เงาที่เห็นไม่ชัดแล้วฉุดลากไปยังปากทาง   

ถึงจะเป็นสถานการณ์สับสนเช่นนี้  แต่ที่จริงคนเป็นแม่มดก็บอกได้ว่าจะไม่ยอมให้ใครดึงเธอไปไหนมาไหนได้ง่าย ดายนักเป็นแน่  หากอีกฝ่ายจะไม่พูดบางอย่างออกมา
 

“รีบชิ่งกันก่อนตอนที่ยังมีเวลาเถอะครับ พี่สาวไอเดล”   


 
 
 
 
 



“ไม่เจอกันนาน  พี่สาวยังมีแรงดึงดูดคนประหลาดเข้าหาตัวได้เสมอเลยนะครับ” 

“ข้าไม่ได้ร้องขอเสียหน่อยนะ....เมเลค”  คิ้วเรียวบางขมวดมุ่นขณะป้ายยาที่ซื้อจากร้านแถวนั้นลงบนบาดแผลบนข้อมือของ อีกฝ่าย  หลังใช้เวลาซักไซ้อยู่พอควร  เจ้าตัวยอมบอกจนได้ว่าสาเหตุมาจากมีดของคนที่ออกมาจากตรอกคนแรก  ซึ่งอยู่ๆก็ชักออกมาตอนที่เขากำลังหาทางถีบมันอยู่พอดี

“ทำอะไรเกินตัวจริงๆ”  ไอเดลบ่นพึมพำ แล้วเริ่มคิดถึงการพกยารักษาแผลเล็กๆอีกสักขวดในกระเป๋า  ขณะที่ ‘คนพูดมาก’ เปิดปากพล่ามไปเรื่อย

“ที่จริงผมออกจะเป็นคนรักสงบ เลือกได้ก็ไม่อยากหาเรื่องหรอกนา  แต่เจอพี่ไอเดลเดินผ่านต่อหน้าต่อตาว่าจะตามไปทักทั้งที  ดันเจอแขกไม่ได้รับเชิญตั้งสามคน  แถมดูยังไงก็ไม่น่าเป็นเพื่อนหรือญาติพี่ซะด้วย  ผมจะทำไงได้ล่ะ”  ชายหนุ่มว่าน้ำเสียงโอดครวญ  ดวงตามองตรงอย่างขอความเห็นใจ

คนเป็นแม่มดได้แต่ถอนหายใจ  ท่าทางคนตรงหน้ายังไม่เปลี่ยนจากที่เธอเจอครั้งแรกสักนิด  “ยังไงก็ต้องขอบใจ  เจอกันอีกทีก็ต้องให้เจ้าช่วยอีกแล้ว”  เธอละมือจากแขนอีกฝ่ายเมื่อผ้าพันแผลสีขาวอยู่ประจำที่ของมันเรียบร้อย  หันไปเก็บอุปกรณ์ลงในกระเป๋าใส่ของ  แล้วจึงถามต่อ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

“ทำงานนิดหน่อย  แล้วก็เที่ยวอีกนิดนึง”  ชายหนุ่มตอบเสียงใสพร้อมรอยยิ้มที่กลับมาประดับกว้าง   อย่างพอจะบอกเป็นนัยให้คนฟังเข้าใจได้ว่า  เหตุผลอย่างหลังดูจะมีน้ำหนักมากกว่า  “พี่สาวล่ะครับ?”

“ข้าก็มา....ทำงาน” เธอตอบยิ้มๆ “เห็นแบบนี้ก็พอจะมีความรู้เรื่องยานิดหน่อย  ข้าเปิดร้านขายยาในตลาด”

“ชีวิตที่นี่คงไปได้ดีพอควร  สีหน้าพี่ดูดีกว่าตอนเราเจอกันครั้งแรกตั้งเยอะ”  อีกฝ่ายตั้งข้อสังเกต  เมเลคเป็นคนร่าเริง  พูดน้ำไหลไฟดับได้เรื่อยเหมือนคนไม่คิดอะไร  แต่เขาจับสีหน้าคนได้เก่งทีเดียว

“จะว่าดีขึ้นก็ดี....ข้ายุ่งทุกวัน ไม่ค่อยมีเวลาคิดเรื่องแย่ๆ”  

“เห  นึกว่าพี่มีแฟนซะอีก”  ดวงตาสีดำมองด้วยประกายวิบวับพร้อมเสียงหัวเราะขำๆ  “ขอโทษนะพี่  ผมแอบถามคนแถวนั้นเห็นว่าพี่ปิดร้านเร็วทุกวัน  คนทำแบบนั้นส่วนมากไม่ได้อยู่คนเดียว” 

“ข้าอยู่กับคนอื่น หล่อนเป็นอาจารย์” เธอทำหน้าดุใส่อีกฝ่ายก่อนจะเอามือฟาดไหล่เขาทีนึง  “อย่ามาล้อเลียนข้านะเมเลค”

“ผมไม่ได้ล้อเลียนนะ  แค่อยากรู้อยากเห็นเอง”  คนถูกตีคลำแขนตัวเองป้อยๆเหมือนเจ็บเสียเต็มประดา  แต่ไม่นานก็หยุด เขานิ่งเงียบไม่พูดต่อ  จ้องมองเธอด้วยสายตาเป็นประกายเหมือนรออะไรบางอย่าง

“มีอะไร?”  ไอเดลตัดสินใจถาม  

“เจอกันทั้งที ไม่คิดเลี้ยงข้าวเย็นผมที่บ้านสักมื้อเหรอ”  สีหน้าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปเหมือนกับลูกสุนัขขออาหารเสียแล้ว

ไอเดลนิ่งไปนิด ยิ้มจางๆก่อนส่ายหน้า  “ขอโทษนะเมเลค บ้านข้าไม่ต้อนรับผู้ชาย”  เธอมองหน้าอีกฝ่ายที่ดูสลดลงไปหลังฟังคำตอบนั้น  ก่อนเสริมคำพูดตัวเอง “ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจเจ้าหรอกนะ  แต่คุณยาย...อาจารย์ของข้าน่ะ  หล่อนไม่สะดวกใจกับการให้ผู้ชายเข้าไปในละแวกบ้าน” 

“แย่จัง  อย่างนี้ผมก็ไม่มีโอกาสได้ไปพักฟรีบ้านพี่สินะ”  เจ้าตัวว่าพลางหัวเราะแหะๆมือขวายกขึ้นเกาหัวดูไม่ติดใจอะไร  อย่างไรก็ตาม  คนมองกลับรู้สึกเหมือนตนเองทำอะไรผิดจนได้ 

“เจ้าจะลงใต้อีกเมื่อไหร่?”

“น่าจะอีกสองสามวัน”

“ถ้าพรุ่งนี้เจ้าว่าง  ข้าจะเลี้ยงอาหารเที่ยงสักมื้อ”  ไอเดลบอกกับอีกฝ่าย ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก   วันนี้เป็นอีกวันที่มีเรื่องราว  บรรยากาศรอบข้างเริ่มมืดลงแล้ว  และเธอไม่อยากรั้งรอจนแสงจันทร์สว่างเกินไป

“ให้ผมไปส่งไหม  จะมืดแล้ว  เดินคนเดียวอันตราย”  เมเลคเสนอ  สีหน้าเขายังยิ้มแย้มแต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงที่ทำให้คนฟังสบายใจ

ไอเดลมองเขาอย่างชั่งใจ  เธอไม่อยากทำลายความปรารถนาดีของคนตรงหน้า แต่อีกใจก็ไม่อยากให้ใครรู้ที่ตั้งของ ‘บ้าน’  

“แค่ตรงตีนเขาก็พอนะ “  เธอตอบเรียบๆในที่สุดแล้วพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต  ระหว่างที่หยิบผ้าคลุมออกจากกระเป๋ามาคลุมตัว  ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง เขายกมือขึ้นประสานที่ท้ายทอยก่อนเดินด้วยทีท่าสบายๆตามหลังเธอไป  ปากเล่าเรื่องแปลกๆและน่าขันหลายเรื่องที่พบเจอระหว่างการเดินทาง 
 
 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น