หน้าเว็บ

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

[EGoT][Devine]EP1 : turn 3

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม
 
 
*export from x
---------------------------------------------------------------
 
 
 
From Winterfell's main event 01 : News of Wildlings
 
 
Devine, the warrior of the north
 
 
GUEST
 
(ที่บางคนก็โผล่แค่ชื่อแต่จะนับ)

Maester Luther
Fenis Stark
Martel Hornwood
A boy and  A wildling
 
 
---------------------------------------------------------------
 
 
Q : มีผู้พบเห็นคนเถื่อนบริเวณรอบตัวเมืองหากฟังผ่านๆก็คงดูเหมือนข่าวเลื่อนลอย แต่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนในเมืองก็ไม่ใช่สิ่งที่จะปล่อยปละละเลยใน สถานการณ์เช่นนี้ ท่านจะทำอย่างไร
 
Choices :
 
1. ออกไปสำรวจ หรือส่งคนออกไปทันที

2. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเรื่องที่ได้ยินมาเสียก่อน

3. ไม่สนใจและทำตามหน้าที่ของตนต่อไป
 
 
 

 
The answer is ....................
 
 
---------------------------------------------------------------
 
 
 
 
 
 
 
ดีไวน์ออกเวรพอดีในตอนที่เรเวนตัวหนึ่งบินกลับมายังหอสื่อสาร

นัก รบหนุ่มมองนกสีดำร่อนลงจากฟ้าและหายเข้าไปในกำแพงแกรนิตสูงตระหง่าน  เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อคำนวณเวลาไปกลับของจดหมายฉบับล่าสุด  เท้าทั้งสองเปลี่ยนจุดหมายปลายทางมุ่งตรงไปยังที่พักของเมสเตอร์ลูเธอร์  เพื่อพบว่านั่นไม่ใช่จดหมายสำหรับตัวเขาเอง  หากแต่เป็นของลอร์ดสตาร์ค และอาจจะอีกหลายคนในวินเทอร์เฟล

"พี่น้องที่ผากำแพงเตือนเราเรื่องการบุกรุกของคนเถื่อนจากทางเหนือ" ชายชรากล่าวเรียบๆ เมื่อเห็นว่าใครอยู่ด้านหลังประตูห้องของตน

หน่วย พิทักษ์ราตรีอยู่ห่างจากที่นี่ไปกว่าหลายร้อยไมล์  หรือพูดให้ถูกยิ่งขึ้นคือสูงขึ้นไปจนสุดเขตแดนเวสเทอรอส ในดินแดนที่หิมะปกคลุมตลอดทั้งปี  ดีไวน์เคยเห็นพวกเขาบางส่วน...ส่วนที่น่าจะเป็นหัวหน้าหมู่ของเหล่ากา  ยามเดินทางผ่านวินเทอร์เฟลเพื่อลงไปยังเมืองที่ต่ำกว่าเบื้องล่าง  เตรียมเสบียงและเฟ้นหาผู้คนที่จะไปยืนยามในที่ๆไม่มีผู้ใดใฝ่ฝันถึง   พวกเขายืนหยัดต่อสู้กับความหนาวเย็น  แผลหิมะกัด และความโดดเดี่ยวในยามค่ำคืน  ปกป้อง 'ทางใต้' จากคนเถื่อนและสิ่งอื่นๆที่แปลกประหลาดและยิ่งใหญ่กว่านั้น

เนื่อง จากสิ่งประหลาดดังกล่าวไม่มีผู้พบเห็นและหลักฐานการคงอยู่มากว่าร้อยปี แล้ว....เห็นได้ชัดว่างานของบุรุษชุดดำดูจะจำกัดอยู่กับแค่ตัวปัญหาพวกแรก ...กับที่ดินในเดอะกิฟท์ที่พวกเขาต้องดูแล

"ฟังดูไม่ใช่งานใหม่สำหรับพวกเขา" ดีไวน์ให้ความเห็นเรียบๆ

"ไม่ ใช่สำหรับเขา  แต่เป็นพวกเรา" เมสเตอร์ลูเธอร์เอ่ยตอบ  "อีกาแสนทะนงจะไม่แจ้งข่าวหรอก  ถ้าพวกนั้นคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและสถานการณ์ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี  เราต้องไม่ลืมว่ามีรูเล็กๆอีกมากที่ผากำแพง  และพี่น้องชุดดำของเราก็มีจำนวนน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับช่องว่างทั้งหมด นั่น"  ชายชราขยายความพร้อมกับรอยยับย่นที่เพิ่มขึ้นบ่นหน้าผาก  อันเป็นสิ่งบ่งบอกว่าเขาไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่กับเรื่องทั้งหมดนี่

"ท่านเคยบอกว่าข่าวจากกำแพงจะมาถึงเราในสองวัน  ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมพวกเขาคงแจ้งมาแล้ว"

"อย่าง ล่าช้าไปสองวันน่ะหรือ...ใช่....แล้วอย่างที่เจ้าเตือน...เรเวนตัวนี้ได้ แจ้งอดีตให้เรารู้แล้ว  และบอกว่าเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปัจจุบันและอนาคตเอาเสียเลย"

ชายหนุ่มตอบคำด้วยความเงียบ...ซึ่งบ่งบอกว่าเขามีความเห็นไม่ต่างกัน

"ข้อ ดีข้อหนึ่งคืออย่างน้อยเราก็จะไม่ช้าไปกว่านี้  ข้าจะไปแจ้งข่าวให้ท่านลอร์ดทราบ  ส่วนเจ้าก็ไปพักผ่อนเสีย  และหากมีข่าวน่าสนใจใดลอยมากับลมล่ะก็  อย่าลืมบอกข้าด้วยล่ะเจ้าหนุ่มดีไวน์"

เจ้าของชื่อพยักหน้ารับคำ  เขาถอยหลบเพื่อเปิดทางให้อีกฝ่ายเดินออกพ้นประตูห้อง  และเป็นผู้จัดการปิดมันเสียเรียบร้อยเมื่อเมสเตอร์ชราสาวเท้าจากไป  นักรบหนุ่มไม่ได้เสียเวลาให้กับเรื่องอื่นใดอีก  เขาตรงกลับไปยังที่พักของตนเพื่อพักผ่อนร่างกายให้พร้อมก่อนจะถึงเวลาเวร ครั้งหน้า  ซึ่งจะมาถึงในอีกไม่นานนัก

+++



"เสบียง ส่วนหนึ่งถูกขโมย และดูเหมือนจะมีใครสักคนสนุกในการเผาทำลายไร่ของลอร์ดอุมเบอร์ใต้จมูกของ เขา"  กริเซลเป็นคนบอกเล่าข่าวลือให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ท่ามกลางเสียงอึกทึกจอแจของห้องอาหารระหว่างที่ทั้งคู่ลงมือกินมื้อเย็น

"พวกเขาจะเผาไร่ไปทำไม?" ชายหนุ่มตั้งข้อสังเกต

"ข้า ไม่ใช่คนเถื่อน  จะไปเข้าใจเหตุผลของพวกนั้นได้ยังไง"  กริเซลไหวไหล่ขณะตอบ ก่อนจะส่งเบคอนชิ้นหนึ่งเข้าปาก  "แต่ก็อย่างที่เจ้าว่า  ข้าก็สงสัยอยู่เหมือนกัน  ท่านลอร์ดพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่า?"

ดี ไวน์ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงปฏิเสธ "ข้ายังไม่เจอท่านหลังจากข่าวทั้งหมดนี่ และดูเหมือนยังไม่มีคำสั่งอะไรออกมาหลังเมสเตอร์นำข่าวจากกำแพงไปบอกท่าน เมื่อเช้า"

“อืม...”  เสียงตอบรับงึมงำอยู่ในคอ  หญิงสาวจัดการอาหารส่วนของตนต่อด้วยท่าทีครุ่นคิด  เขาจึงทำสิ่งเดียวกันไปอย่างเงียบๆ  ไม่มีบทสนทนาอะไรอีกแม้หลังชายหนุ่มหยิบแก้วของพวกเขาไปเติมเหล้ารัมจนเต็ม แล้วเอากลับมาวางใหม่  ดีไวน์กำลังคิดว่าเขาควรเอาจานไปเก็บก่อนสักรอบรึเปล่า  และวางช้อนในมือลงพอดีเมื่ออีกคำถามถูกส่งมาให้ 

"เจ้าเข้าเวรอีกครั้งเมื่อไหร่?"

"พรุ่งนี้เช้า"

กริ เซลรับฟังคำตอบโดยไม่เอ่ยอะไร  หล่อนพยักหน้าและจมเข้าไปในความคิดของตัวเองอีกครั้ง  ดีไวน์ยกแก้วของตนขึ้นดื่ม  เขาอยากเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายว่าเขารู้ว่าเธอจะทำอะไร  และไม่เห็นด้วยในเรื่องนั้นสักเท่าไหร่  แต่ก็เช่นกันที่เขารู้จักหญิงสาวนานพอ และดีพอเกินกว่าจะห้ามในสิ่งที่เจ้าหล่อนตัดสินใจลงไปแล้ว

"อย่าฝืน...และถ้าเป็นไปได้...ชวนเลดี้มอสซาวิคไปเป็นเพื่อนในสิ่งที่เจ้ากำลังจะทำ"

กริ เซลวางส้อมในมือ  เงยหน้าขึ้นจากจานเปล่าของตนเอง  หล่อนเอ่ยปากบ่นไม่จริงจังนัก  "ข้าชักเบื่อเวลาเจ้าเป็นหนอนในไส้ของข้าซะแล้วล่ะ" 

ดีไวน์ตอบรับคำพูดนั้นด้วยรอยยิ้มจางๆ


+++

 

แม้ข่าวลือจะไม่ ใช่เรื่องน่าเชื่อถือ  แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่ลอร์ดแห่งวินเทอร์เฟลจะเพิกเฉยต่อข่าวจากทั้งผากำแพง และลาสเฮิร์ธ  สองวันถัดมาสตาร์คส่งนักรบจำนวนหนึ่งขึ้นเหนือ  เช่นเดียวกับที่เลดี้มอสซาวิคนำคนอีกส่วนผ่านฮันเทอร์เกทเข้าไปยังไพรหมาป่า หลังจากพรานซึ่งอาศัยในนั้นได้แจ้งข่าวมายังปราสาท  เรื่องที่เขาสงสัยว่าตนพบคนเถื่อนหกคนขณะออกล่าสัตว์

ดีไวน์มองคน อื่นๆควบม้าผ่านประตูในเวลาย่ำรุ่งขณะที่เขาสวมเสื้อคลุมเดินไปยังลานฝึก ซ้อม  ชายหนุ่มไม่เห็นกริเซลในลานรวมถึงที่อื่นๆในวินเทอร์เฟลมาสองวันแล้ว  และสันนิษฐานว่าเธอคงออกไปหาข่าวทางใดทางหนึ่ง   เขาใช้เวลาไปกับการยิงธนูให้เข้าเป้าและซ้อมฟันดาบกับนักรบอีกสองสามคน  ก่อนจะเข้าเวรเพื่อทำหน้าที่ในยามสาย  ไม่มีคำถามใดออกจากปากที่ถนัดแต่ขานรับคำสั่ง   นักรบหนุ่มเพียงแต่มีตัวตนอันนิ่งสงบเช่นเคยอยู่ข้างกายลอร์ดแห่งวิ นเทอร์เฟล  เขารู้ว่างานของเขาอยู่ที่ใดและไม่กระตือรือร้นที่จะออกไปข้างนอก  แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเองตั้งใจฟังแค่ไหนเมื่อเลดี้เฟนิสเอ่ยถามบิดาตน เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ดีไวน์กำลังจะจบงานของเขาในเช้าวันถัด มา  เขาตั้งใจจะไปหาเพื่อน...และอาจจะเมสเตอร์อีกคนเพื่อถามถึงข่าวอะไรก็ตามที่ พวกเขาอาจจะได้มาอยู่ทีเดียว  เมื่อลอร์ดเฟอร์ดินานด์เอ่ยสั่งให้เขาอย่าเพิ่งออกเวร  และตามนายของพวกเขาทั้งหมดไปยังคุกใต้ดิน



กลิ่นของห้องขัง เป็นสิ่งไม่น่าพิศมัย  มันอับทึบเพราะอากาศที่ไม่ถ่ายเท หนาวเยือกเพราะเป็นสถานที่ไม่กี่แห่งของปราสาทที่ห่างไกลจากท่อส่งน้ำร้อน  และยิ่งแย่เมื่อรวมกับกลิ่นของเลือดสดใหม่

“มันไม่ยอมพูด”  เสียงเอ่ยรายงานเรียบๆดังจากปากของมาเทล ฮอร์นวูด  ดีไวน์จำเขาได้ดีพอๆกับคนอื่น  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เพิ่งได้รับการยอมรับเป็นนักรบเต็มตัวไม่นานนัก  เขาเป็นคนโผงผางเลือดร้อน  และยิ่งกระเหี้ยนกระหือรือกับการสอบปากคำครั้งแรกของตนเอง

ดีไวน์ มองผ่านมือที่ถือแส้สีดำไปยังอีกฟากของผนังห้อง  ร่างหนึ่งถูกล่ามติดอยู่ตรงนั้นด้วยสายโซ่ใหญ่ที่แขนและขา  ผมสีน้ำตาลแดงเหมือนสนิมเหล็กจับกันเป็นกลุ่มและเปียกโชกล้อมกรอบใบหน้าม่วง ช้ำ   รอยแผลสดทิ้งตัวเป็นทางยาวหลากหลาย  เหมือนภาพศิลป์ของจิตรกรที่ไร้ซึ่งความรื่นรมย์

แวบหนึ่งที่เขาสบตากับเจ้าของร่างนั้น  ดวงตาสีดำฉายแววเดียวกับเสือที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นในไพรหมาป่า  ...บอบช้ำ...ทว่ายังทะนง

เฟอร์ดิ นานด์ สตาร์คพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับคำรายงาน  ลอร์ดแห่งวินเทอร์เฟลไม่ซักไซ้อะไรเพิ่มเติม  และไม่แสดงความเห็นใดๆไม่ว่าจะในทางดีหรือแย่กับงานครั้งแรกของชายหนุ่มผู้ รับหน้าที่สอบปากคำ  ดีไวน์ไม่ลืมว่านายของเขาเป็นคนออกคำสั่งเจาะจงให้มาเทลทำหน้าที่นี้ด้วยตน เอง  และคำสั่งเช่นนั้นย่อมมีเหตุผลบางอย่าง  แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะถาม  และไม่มีโอกาสจะเอ่ยปากถามเมื่อร่างสูงสาวเท้าเข้าไปใกล้ ‘นักโทษ’  ก่อนหยุดในระยะใกล้พอที่ระดับเสียงปรกติจะส่งไปได้พอดี

คนทำหน้าที่ เป็นองครักษ์ก้าวตามไปยืนในตำแหน่งไม่ต่างกันนัก  ห่างพอที่คมดาบจะจ่อคอร่างซึ่งถูกมัดตรึงนั่นได้ทันทีเมื่อความจำเป็นใดๆก็ ตามมาถึง

"เจ้าชื่ออะไร?"  เสียงทุ้มดุดันสะท้อนก้องผนังหิน

"สนใจด้วยรึไง?"  คนเถื่อนตอบห้วนสะบัดเสียง  ริมฝีปากแยกเขี้ยวอันเต็มไปด้วยคราบเหลืองอย่างหยามหยัน

ดวง ตาสีฟ้าอ่อนยังคงจับจ้องไปยังอีกฝ่ายไม่บ่งบอกอารมณ์   ถ้อยคำเรียบๆเอ่ยต่อราวกับไม่ได้ยินคำยอกย้อนนั่น   "ข้าได้ยินเจ้าบอกว่าจะไม่มีวันพูดอะไร" 

ชายจากเหนือกำแพงเงยหน้าขึ้น  ถ่มน้ำลายใส่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนพลางเอ่ยวาจาอย่างอวดดี  "เป็นโชคของข้าที่จ่าฝูงหมาหูไม่หนวก"

“เจ้า!” เสียงที่ขัดขึ้นเป็นของฮอร์นวูด  หากแต่เขาถูกทำให้เงียบลงเมื่อนัยน์ตาคมปลาบถูกส่งไปให้โดยนายของตัวเอง

ผู้ ปกครองทิศเหนือหันกลับมายังคู่สนทนา  เขาเมินเฉยต่อท่าทีหยาบคาย  คิ้วสีเข้มเพียงขมวดเล็กน้อยเหมือนจะแสดงความฉงนสงสัย  "แม้ต้องแลกด้วยความตาย....?"

ร่างที่บอบช้ำแค่นเสียงหัวเราะหลังได้ยินคำถามนั่น   "อิสรชนรู้จักความตายดีกว่าพวกเจ้านัก...คนใต้"

"ของคนที่มากับเจ้า....?"  นายของเขาต่อประโยคด้วยท่าทีนิ่งสงบไม่ต่างจากเดิม

สี หน้าอีกฝ่ายที่สะท้อนจากคบไฟดูบิดเบี้ยวเปลี่ยนไป  เสียงโซ่ดังกราวเมื่อร่างที่เคยนิ่งกระชากตัวขึ้นจากกำแพงและดูเหมือนจะพุ่ง โถมมาข้างหน้า  "ไอ้พวกสถุล!!!"   ริมฝีปากที่บวมช้ำคำรามด้วยแรงโทสะเสียมากกว่าจะเป็นความเจ็บปวด  ดีไวน์หยุดเขาด้วยคมดาบที่จ่อไปที่ลำคอ  เหล็กหนาแหลมคมสร้างบาดแผลเล็กๆบนผิวที่สกปรกไปด้วยคราบไคล เรียกให้เลือดสีแดงไหลซึม

"เห็นได้ชัดว่าเรายังพอมีอะไรอยู่บ้าง”  ลอร์ดสตาร์คว่าพลางขยับมือเป็นสัญญาณให้เขาลดดาบลง  นายแห่งวินเทอร์เฟลหันหลังให้แววตาชิงชังของอีกฝ่าย  และออกคำสั่งต่อมาให้กับผู้เป็นองครักษ์ของตนเอง

“ดีไวน์  ข้าให้เจ้าออกเวรคุ้มกันข้าแล้วตอนนี้  แต่เสียใจด้วยที่เจ้ามีงานต้องทำต่อ  ปลดโซ่เขาและพาไปอาบน้ำ  ทำแผลให้เขาเสียด้วย  ถ้ามันแย่นักก็ตามเมสเตอร์มาช่วยเจ้าจัดการมัน   ข้าไม่อยากให้พวกพ้องคนใหม่ของเราต้องตายเพราะแผลติดเชื้อ”

 ชายหนุ่มรับคำด้วยการค่อมหัวลง

“ข้าไม่ใช่พวกพ้องของเจ้า!!” คนเถื่อนเชิดคางขึ้น  ตะคอกแย้งกลับเสียงลั่นราวกับคำนั้นน่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าคมแส้

ดวง ตาสีฟ้าอ่อนปราดไปเพียงเล็กน้อยพร้อมกับเสี้ยวหน้าของบุรุษผู้เป็นใหญ่แห่ง แดนเหนือ   “เจ้ากำลังจะเป็น  และไม่ต้องกังวลศักดิ์ศรีของตนในเรื่องนั้นหรอก  เพราะเจ้าไม่ใช่คนที่เลือกมัน”  นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเคลื่อนไปยังประตู  ทิ้งองครักษ์ของตนไว้กับเพื่อนคนใหม่ในแสงสลัวของคุกใต้ดิน

+++



ดีไวน์รู้สึกพอใจนักที่ตนเองคุ้นเคยกับความเงียบ

เสียง น้ำสาดลงเป็นครั้งที่ยี่สิบเปลี่ยนพื้นแห้งสะอาดของห้องอาบน้ำให้เจิ่งนองไป ด้วยของเหลวสีคล้ำสกปรก  มันเป็นส่วนผสมของดินโคลน ฝุ่น และเลือดจากร่างคนใต้อาณัติคนใหม่ของลอร์ดแห่งวินเทอร์เฟล  ร่างนั้นสงบลงหลังจากดิ้นรนอย่างไร้เหตุผลอยู่พักใหญ่  และฝากรอยแผลฟกช้ำจำนวนไม่น้อยบนใบหน้าและแขนทั้งสองข้างของเขาเรียบร้อย แล้ว

ผู้เป็นนักรบวางถังน้ำลงไว้ข้างตัว  ประเมินสภาพของบุรุษตรงหน้าก่อนตัดสินใจว่าน่าจะเริ่มจัดการขั้นตอนต่อไปได้

“เลิก พยายามจะฆ่าข้าด้วยการทำให้จมน้ำตายแล้วรึไง”  เสียงนั้นเอ่ยแกมประชดเป็นครั้งแรกหลังการต่อสู้อย่างไร้บทสนทนาที่กินเวลา กว่าสองชั่วยาม

ดีไวน์ตอบกลับด้วยการขมวดคิ้วน้อยๆขณะโยนผ้าให้อีกฝ่าย “ข้านึกว่าคนนอกกำแพงอาบน้ำเป็น”

“ข้า ทำเป็น!” อีกฝ่ายเอ่ยลอดไรฟัน  ดวงตาสีดำมองอย่างไม่สบอารมณ์   อย่างไรก็ตามดีไวน์ค่อนข้างพอใจที่ฝ่ายนั้นให้ความร่วมมือเป็นครั้งแรกหลัง การพบกัน  แม้นั่นจะเป็นแค่การเอาผ้าเช็ดใบหน้าของตัวเองก็ตามที

นัก รบหนุ่มยืนมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งเสื้อผ้าที่แห้งกว่าไปให้  เขากอดอกพิงผนังกำแพงหินเงียบๆ สังเกตคนที่รับมันได้พอดิบพอดีทั้งที่เขาตั้งใจโยนไปให้ตอนไม่ทันตั้งตัว  เมื่อล้างผิวกายให้สะอาดมากขึ้น ชายหนุ่มมองเห็นรอยแผลเป็นเก่าจำนวนมากบนร่างของอีกฝ่าย  ซึ่งยืนยันเรื่องที่ว่าการใช้ชีวิตของคนตรงหน้าเมื่อก่อนไม่เคยง่าย  และบ่งบอกถึงความสามารถในการต่อสู้จากกล้ามเนื้อทั้งหมดนั่น

“นาย ของเจ้านิยมเลี้ยงดูเชลย?”  คนเถื่อนออกปากถามขณะผลัดเปลี่ยนเศษผ้าที่ใส่อยู่ออก  แม้จะไม่เห็นอารมณ์จากคนที่หันหลังให้  แต่ความเหยียดหยันในน้ำเสียงอย่างไม่คิดปกปิดก็เด่นชัดเสียจนเขาไม่ต้อง สงสัยในเรื่องนั้น

“โทษประหารเป็นที่นิยมมากกว่าในแดนที่อาหารการ กินไม่อุดมสมบูรณ์”  นักรบหนุ่มเอ่ยตอบ  เขารอจนอีกฝ่ายสวมกางเกงเรียบร้อยจึงพูดต่อ  “เสร็จแล้วก็มาทางนี้  ข้าจะทำแผลให้”

บุรุษจากเหนือกำแพงหันกลับมาประจันหน้ากับนักรบแห่ง วินเทอร์เฟล  สองเท้ายืนนิ่งอยู่กับที่อย่างไม่คิดจะก้าวตาม  เขาเมินเฉยให้คำล่าสุดแล้วกล่าวตอบประโยคก่อนหน้านั้น  “ข้ารู้จักการฆ่าเพื่อแย่งชิงอาหารมากกว่าเจ้าแน่คนใต้”   ริมฝีปากที่ล้างเลือดเกอะกรังออกหมดแล้วแยกเขี้ยวเป็นรอยยิ้มเมื่อเสริม  “ความคิดที่จะเลี้ยงอิสรชนให้เชื่องเป็นเรื่องโง่เง่า  และความใจอ่อนไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้ตายเร็ว”

ดีไวน์ไม่ได้ขยับไปจากที่ของตนเช่นกันขณะที่ออกความเห็น   “ข้าไม่คิดว่าลอร์ดสตาร์คมีเมตตามากไปกว่าผู้ปกครองคนอื่น”

“นั่นเพราะพวกเจ้าอยู่อย่างสุขสบายกันมากไปน่ะสิ”  

ข้า รับใช้ของนายแห่งวินเทอร์เฟลส่ายหน้า  “ท่านลอร์ดเคยมีม้าประจำตัวที่เอ็นข้อเท้าบาดเจ็บ  ม้าฝีเท้าดีทีเดียว  เมสเตอร์บอกว่ามันมีโอกาสจะกลับมาใช้งานได้ในครึ่งปี  นายท่านจึงไม่ได้สั่งฆ่ามัน”

“โอ....ช่างเป็นผู้ปกครองที่เปี่ยมด้วยเมตตา”  อีกฝ่ายออกเสียงกล่าวชมอย่างเสแสร้ง

“คนดูแลม้าได้รับคำสั่งให้ดูแลมันอย่างดี”  เขากล่าวต่อเรียบๆ  “ หนึ่งเดือนต่อมา  ข้าเป็นผู้รับคำสั่งให้เชือดมันทิ้ง”

คนเถื่อนจ้องมองเขา  ปากนั้นปิดสนิท  ไม่มีคำอื่นใด

“ทางเหนือแร้นแค้นมากเกินกว่าจะเลี้ยงสิ่งไร้ประโยชน์  เจ้าเองก็เข้าใจดี ”

“สิ่งที่ข้ารู้น่ะ...” อีกฝ่ายลากเสียง “คือเจ้าขู่คนได้ห่วยแตก”

“ใช่”  คราวนี้ดีไวน์พยักหน้ายอมรับ “ข้าถนัดพูดความจริงมากกว่า”

ความ เงียบกลับมาอีกครั้งเมื่อคนทั้งสองเลือกที่จะสื่อสารด้วยสายตามากกว่าคำพูด  หากแต่ครั้งนี้บรรยากาศแบบนั้นไม่ได้คงอยู่นานนัก  ใบหน้าของชายเหนือกำแพงหันควับไปยังประตูขณะที่ผู้เป็นนักรบยันตัวขึ้นตรง และสาวเท้าไปที่นั่น  ซึ่งเด็กชายคนหนึ่งยืนรออยู่ด้วยตัวสั่นเทาพร้อมข้อความสำหรับพวกเขาทั้งคู่

“ท่าน ลอร์ดให้ข้าบอกพวกท่าน”   เด็กชายอ้าปากค้างไว้พักเหมือนพยายามขบคิดสิ่งที่ถูกบังคับให้ท่องจำ  “ว่านายท่านมีประสงค์เชิญสหายผู้ไม่เปิดเผยตัวตนไปยังงานเลี้ยงสังสรรค์   ท่านหวังว่าเขาจะพร้อมและสบายดีพอที่จะเดินเคียงข้างเพื่อนสาวของตนในวัน รุ่งขึ้น”  เด็กชายเอ่ยรัวเร็วด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน  เขายังไม่โตและฉลาดพอที่จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

“เจ้าส่งข่าว เรียบร้อยแล้ว  และข้าจะบอกนายท่านตามนั้น”   ดีไวน์พยักหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไป  เขาล้วงมือไปในกระเป๋าและตอบแทนเด็กชายด้วยเหรียญทองแดงซึ่งทำให้อีกฝ่ายมี สีหน้าดีขึ้น   เจ้าตัวเล็กละล่ำละลักขอบคุณก่อนวิ่งจากไปในทางเดียวกับที่มา

“ข้าอาจจะเลือกพูดอีกอย่าง  ว่าข้าไม่รู้เรื่องการเชื้อเชิญอะไรเลย  และถูกทารุณอย่างโหดร้ายภายใต้การดูแลของเจ้า”

ผู้ เป็นนักรบเลิกคิ้ว  มองอีกฝ่ายที่เหมือนจะภูมิใจในแผนการเล็กๆของตัวเอง  “ดูเหมือนนั่นจะเป็นสาเหตุที่ท่านลอร์ดเลือกข้าให้ทำงานนี้   มีตัวเลือกไม่มากหากท่านไม่อยากสงสัยในเรื่องนั้น” 

ดีไวน์ไม่สนใจ อีกฝ่ายที่สบถกับตนเองและกัดฟันอย่างไม่พอใจ   เขาเสียเวลามากแล้ว  และเหน็ดเหนื่อยมากเสียยิ่งกว่าตอนออกรบ   ไม่ใช่วิสัยของเขาเลยที่จะเล่นเกมฝีปากกับใคร  “ทีนี้ตาเจ้าเลือกได้แล้วว่าจะทำแผลแล้วทำตัวเป็นแขก  หรือจะปล่อยให้เพื่อนเจ้าอยู่ในฐานะนั้นคนเดียวในงานเลี้ยงกับคนแปลกหน้า ทั้งวินเทอร์เฟล”

“เหมือนเจ้านายของเจ้าจะบอกว่าข้าไม่มีทางเลือกในเรื่องนั้น”  เขาพูดเหมือนคำราม

“เจ้า มีทางเลือก....เหมือนกับที่ม้าตัวหนึ่งมีก่อนมันจะปล่อยเวลาเหล่านั้นทิ้ง เปล่าแล้วตาย”  ดีไวน์กล่าวแก้  เขาเน้นย้ำด้วยระดับเสียงเดิมและสีหน้าที่ไม่เคยเปลี่ยนไป  “ ใช้มันขณะที่ยังเป็นของเจ้า”

คนเถื่อนเดินผ่านเขาออกไปยังประตู  และนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ  ที่ซึ่งนักรบแห่งวินเทอร์เฟลได้เอากล่องยาวางลง  และเริ่มทำงานต่อไปของตน
 
 
 
 
 
 
End of Winterfell's main event 01
---------------------------------------------------------------
 
 
In conclusion
 
Choose : 3. ไม่สนใจและทำตามหน้าที่ของตนต่อไป
 
Result : Vit -5%, Money -150
 
 
---------------------------------------------------------------
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น