หน้าเว็บ

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

[EGoT][Devine] EP 1 : turn 1

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม
*export from x
---------------------------------------------------------------
Devine, the warrior of the north
---------------------------------------------------------------
He lives for two things.

One is well known.

Another is secret.


เมื่ออาทิตย์สิ้นแสง  ท้องฟ้าสีดำประดับด้วยดวงดาวเล็กสุกใสกระจายราวก้อนกรวด  สายลมของแดนเหนือก็กรีดผ่านผิวของผู้คน  เรียกให้พวกเขาห่อหุ้มตนเองด้วยอย่างอื่นนอกจากขนสัตว์ผืนหนา ผู้ว่างเว้นจากงานในปราสาทไม่น้อยเลือกเดินออกนอกกำแพงหินของวินเทอร์เฟลไป ยังเมืองที่อยู่ด้านนอก  ...เพื่อแสวงหาไออุ่น...พวกเขากล่าวเช่นนั้น  บ้างก็จุดไฟด้วยเหล้ารัมร้อนแรง  บ้างก็คาดคั้นมันจากเรือนร่างของสาวงาม

เมสเตอร์ลูเธอร์ปฏิเสธทั้งหมดนั่น  เขาตระหนักว่าตนเองแก่เกินไปแล้วสำหรับความสุขฉาบฉวย  ชายชรานั่งสงบและผ่อนคลายอยู่ภายในผนังแกรนิตแข็งแกร่งสีเทา  ข้างตัวคือเตาผิงที่ปะทุไฟเป็นระยะ  ดวงตาที่เริ่มฝ้าฟางจ้องมองเปลวสีแดงไหววูบเริงระบำ

ชายชราจำไม่ได้ว่าตนเอ่ยสรรเสริญความ กรุณาให้แก่ทวยเทพมาแล้วกี่ครั้ง  สำหรับการที่พวกท่านมอบสติปัญญาให้บรรพบุรุษสร้างวินเทอร์เฟลขึ้นพร้อมกับ ปล่อยสายน้ำร้อนไหลผ่านกำแพง  น้ำพุใต้ดินกับท่อมากมายฝังตัวกับผนังราวเส้นเลือดแตกแขนงสร้างความอบอุ่น ให้ปราการแห่งนี้  มันเป็นสิ่งล้ำค่าล้นเหลือโดยเฉพาะกับชายชราที่ข้อต่อเริ่มแข็งขัด  ผู้อาศัยอยู่ในแดนเหนือที่หนาวเย็น 

“เมสเตอร์ลูเธอร์” 

เสียงเรียกดังตามหลังเสียงเคาะเบาๆจาก อีกฟากของประตู  เมสเตอร์จำมันได้ดี  อันที่จริงเขามีความสามารถในการแยกแยะและสังเกตเสียงของผู้คนไม่น้อยไปกว่า ความรอบรู้อันหลากหลายอื่นๆ   อย่างไรก็ตามผู้ที่จะมาเคาะประตูถึงที่พักของเขาในยามนี้มีไม่มาก  และสาเหตุการมาเยี่ยมเยือนโดยเจ้าของน้ำเสียงนั้นไม่เคยเหมือนผู้ใด

ชายชราลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าจาก เก้าอี้ของตนและเดินไปยกสลักโลหะขัดประตู  เสียงลั่นเบาๆขณะที่บานพับไม้เปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าของผู้มาเยือน  แสงสีส้มจากตะเกียงช่วยขับให้โครงร่างคมเข้มชัดเจนยิ่งกว่าเดิม  แม้นั่นจะไม่ได้สำคัญอะไรเลยก็ตาม

“ข้านึกว่าเวลาว่างแบบนี้เจ้าจะไปหาอะไรดื่มเสียอีก”  ชายชราพูดกึ่งหยอกล้อในที  

“ข้าไปและกลับมาแล้ว”  ดีไวน์ตอบคำพูดของเขาด้วยท่าทีจริงจังอย่างที่เป็นมาเสมอ  ก่อนจะค่อมหัวเล็กน้อยแล้วสาวเท้าตามเข้ามาด้านในที่พักของชายชรา

เมสเตอร์ลูเธอร์ปิดประตูลงตามหลัง  เดินผ่านร่างที่ยืนอยู่ของอีกฝ่ายกลับไปยังโต๊ะทำงานแล้วทรุดตัวลงนั่ง เขารอเพียงไม่นานนักรบหนุ่มก็วางตะเกียงลง ห่างในระยะที่เหมาะสมให้แสงไฟส่องสว่างมาถึงโต๊ะของชายชรา  และใช้เวลาน้อยกว่านั้นในการยื่นม้วนกระดาษส่งให้ที่ปรึกษาแห่งวินเทอร์เฟล

“ข้าก็เบื่อกับการตรวจสอบจดหมายของเจ้า ทุกครั้งเหมือนกันนะเจ้าหนุ่ม  เชื่อเถอะว่าข้าทำมันเพราะเป็นหน้าที่มากกว่าอยากจะสอดรู้” เมสเตอร์เอ่ยขณะคลี่ม้วนสาสน์นั้นออก

“ข้าทราบดีเมสเตอร์  และขอบคุณในความกรุณาของท่านเสมอ”

ชายชราพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตาไปยังแผ่นกระดาษในมือ  ลายอักษรเป็นแบบที่เขาคุ้นเคย  ไม่อ่อนช้อยสวยงามเหมือนปราชญ์ ถึงกระนั้นทุกตัวหนังสือก็หนักแน่นชัดเจนเช่นเดียวกับผู้เขียนมัน

เมสเตอร์ซึมซับเนื้อหาทั้งหมดนั่นอย่าง รวดเร็ว  มันเรียบง่ายและไม่สลับซับซ้อนเหมือนตำราหรือเอกสารอื่นๆที่กองพะเนินอยู่ บนโต๊ะของเขา  เจ้าหนุ่มดีไวน์ไม่ได้เขียนอะไรผิดให้ต้องแก้มาสามปีแล้ว  แม้จะเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้สั่งให้อีกฝ่ายคัดอักษรส่งเหมือนในวัยเด็ก อีก  แต่ชายชราก็พอใจในเรื่องนั้น  

บางที....เขาอาจควรปล่อยให้จดหมายของ ชายหนุ่มส่งไปได้โดยไม่ต้องผ่านสายตาของเขา  เมสเตอร์เพียงแต่คิด  หากแต่ความรอบคอบเป็นนิสัยเสียที่แก้ไม่หาย  และนักรบหนุ่มก็ไม่เคยเรียกร้องอะไร  เขาจึงพักเรื่องนั้นไว้ก่อนอีกคราหนึ่ง

“ทีนี้ไปหออีกาด้วยกันเถอะ  อย่างน้อยวันนี้ข้าต้องแน่ใจว่าเจ้าจะไม่ขึ้นไปคนเดียว แล้วขุนเรเวนทั้งหลายของข้าด้วยข้าวโพดพวกนั้นจนมันน้ำหนักเกิน  บินไม่ไหวไปอีกรอบนึง”

เมสเตอร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ทำให้รอยยับ ย่นรอบดวงตาของเขามีมากขึ้น ขณะเหลือบมองถุงใส่เมล็ดพืชที่อีกฝ่ายถือ  ดีไวน์ตอบรับคำนั้นด้วยการเหยียดริมฝีปากจางๆ  แน่นอนว่าความพยายามของชายชรานั้นไร้ประโยชน์ เมื่อปรกติผู้เป็นนักรบเองก็ได้รับอนุญาตจากนายของเขาทั้งหมดให้ขึ้นไปให้ อาหารสิ่งมีชีวิตสีดำเหล่านั้นเองอยู่แล้ว หากแต่สาเหตุที่ชายสูงวัยต้องการขึ้นไปด้านบนเป็นเรื่องอื่น  และผู้อ่อนวัยกว่าก็รู้เรื่องนั้นดี  อีกฝ่ายช่วยประคองลูเธอร์ให้ลุกขึ้น  เมื่อเห็นเขายืนได้มั่นคงแล้วชายหนุ่มจึงหยิบตะเกียง   ออกเดินนำเพื่อให้แสงสว่างช่วยนำทางตนเองและชายชราไปยังหอสื่อสารที่อยู่ ชั้นถัดไป    

นี่เป็นความลับเล็กๆระหว่างเมสเตอร์กับ ชายหนุ่ม  ความลับที่มีมาตั้งแต่เมื่อนักรบยังเป็นเด็กหนุ่มเยาว์วัย ที่ได้รับเมตตาจากลอร์ดแห่งทิศเหนือให้เข้ามาพักพิงอาศัยอยู่ในกำแพงหินของ วินเทอร์เฟล
----



เด็กชายมีความลับอยู่หนึ่งอย่าง

แน่นอนว่าความลับดังกล่าวไม่ได้หมายถึง ความภักดีของเขาที่มีต่อสตาร์คแห่งวินเทอร์เฟล  เรื่องนั้นเป็นที่รับรู้และเข้าใจโดยทั่วไป  ตั้งแต่อัศวินคู่ใจตลอดจนเด็กเลี้ยงม้าก็ทราบถึงปฏิญาณของเด็กหนุ่ม  นับตั้งแต่ค่ำคืนหิมะตกที่เขาได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ในป้อมปราการแห่ง แดนเหนือ

หากแต่เรื่องที่เราพูดกันตอนนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


ดีไวน์ยืนอยู่อย่างเงียบเชียบ  มองจดหมายที่ตนเขียนถูกโยนลงกลางเตาผิง แผ่นกระดาษหงิกงอบิดเข้าหากันเปลี่ยนสภาพจากสีน้ำตาลอ่อนเป็นสีเข้ม  ไม่นานก็กลายเป็นเถ้าดำ  สลายไปกับเปลวไฟร้อนแรง

มันเป็นจดหมายฉบับที่สาม  ซึ่งมีชะตากรรมไม่ต่างจากสองฉบับก่อนหน้า

"เจ้ายังเขียนผิดมากเกินไป"  เมสเตอร์ลูเธอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  แสงสีแดงสะท้อนบนร่างชายในผ้าคลุมเทา  ฉายภาพเงายาวใหญ่ที่กำแพงหินด้านหลังทำให้อีกฝ่ายดูมีอำนาจสมตำแหน่งกว่า ทุกที   

เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบรับโดยไม่มีคำทักท้วงใดๆ  

ชายชราเป็นคนฉลาด หากแต่ดีไวน์อยู่กับคนตรงหน้ามากพอจะเห็นความรู้สึกผิดซุกซ่อนในดวงตาสีเทา เพราะเหตุนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบ  แม้มือคู่นั้นจะเป็นมือที่โยนจดหมายซึ่งเขาพยายามเขียนมาตลอดคืนทิ้งไป อย่างไร้ค่าก็ตาม

ดีไวน์ใช้เวลาในสองครั้งแรกเรียนรู้ว่า มันไม่ใช่เรื่องของตัวสะกด  ที่ปรึกษาแห่งวินเทอร์เฟลกำลังมองหาอะไรบางอย่าง  เฝ้าดูอย่างรอบคอบระมัดระวัง  ในที่ๆเขาเคยอยู่...เด็กหนุ่มเคยได้ยินว่าตัวอักษรบางประเภทนั้นปรากฎขึ้น จากไฟ   เป็นรหัสลับซับซ้อนที่ถูกคิดขึ้นอย่างประณีต  เมสเตอร์ลูเธอร์คงหวาดระแวงเรื่องนั้น  สายตาของชายสูงวัยเปลี่ยนแปลงไป  มันมองตรงมายังเขาด้วยความคลางแคลงตั้งแต่บทสนทนานั้นเกิดขึ้นเมื่อสิบวัน ก่อน


"เมสเตอร์ลูเธอร์  ข้ามีเรื่องขอร้องท่าน  ข้ามีน้องสาวและอยากส่งจดหมายทางนกเรเวนถึงนาง”

เด็กหนุ่มมองชายชราที่หยุดถือปากกาขนนก ค้างไว้กับมือขณะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา  อีกฝ่ายนิ่งงันไปราวกับพยายามแปลความหมายตรงตัวให้เป็นอย่างอื่น  จากนั้นเมื่อดูจะจนปัญญาตีความแล้ว  เมสเตอร์ผู้มีฐานะเป็นอาจารย์ลับๆของเขาก็ตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง

“นี่ไม่เหมือนกับการที่ข้าสอนอ่านเขียนให้แก่เจ้า  เรเวนของปราสาทไม่ได้มีไว้ใช้สำหรับเรื่องส่วนตัว  เจ้าหนูดีไวน์”

“ถ้ามันจำเป็น  ข้าจะหาเรเวนของตนเองสักตัว  แค่เพียงท่านสอนวิธีการฝึกและใช้มันให้ข้า”  เขายื่นคำต่อรอง  แม้จะรู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์อันใดที่จะทำเช่นนั้น

เมสเตอร์ลูเธอร์วางปากกาในมือลงจุ่มใน ขวดหมึก  เอนหลังพิงพนัก  ละสายตาจากเอกสารคลังเสบียงโดยสิ้นเชิง  “การสื่อสารไม่ได้มีทางเดียว  ทำไมเจ้าถึงไม่เลือกใช้ทางอื่น”

“เรเวนรวดเร็วเชื่อถือได้มากกว่าคน”  เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ มือกำแน่นยามเอ่ยประโยคถัดมา “ข้าขอร้องท่านเพราะจดหมายสองฉบับของข้าหายไปเกินแปดเดือน  และข้าทิ้งไรชามานานกว่านั้น”

คำพูดจากปากตนย้อนให้เขาคิดถึงภาพวัน ก่อนเก่าของเด็กสาวในชุดกระโปรงขาดวิ่น ไรชาตัวน้อยกับผมสีน้ำตาลยาวยุ่งเหยิงของหล่อนเกาะชายเสื้อเขาไปทุกที่  เสียงเรียกของเธอปลุกเขาในตอนเช้า  เขากล่อมเธอให้หลับในยามค่ำคืน  ภาพที่เห็นชินตากลายเป็นอดีตเมื่อเขาต้องทิ้งทุกอย่างจากมา  

ถูกทำให้ต้องจากมา...  

“เจ้าไม่เคยบอกว่ามีน้องสาว”  ชายชราเอ่ยเคร่งเครียด  คิ้วสีเทาใต้เรือนผมขาวขมวดเข้าหากัน

“ข้าใช้เวลาสี่ปี หาลู่ทางและคนที่พอช่วยได้ เก้าเดือนก่อนข้าหานางจนพบ”   เด็กหนุ่มว่าโดยไม่สนใจดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นของอีกฝ่าย  และคำถามที่อยู่ในนั้น  “เกือบหนึ่งปีที่ข้าเสียไปสำหรับการจัดการให้ข้อความของข้าไปถึงหน้าบ้าน ของไรชา  ตอนนี้ดูเหมือนมันยังไม่สำเร็จ”

ดีไวน์ไม่รู้ว่าสีหน้าของตนเป็นอย่างไร  แต่ดูเหมือนมันคงแย่มากพอที่จะทำให้ท่าทีของชายสูงวัยอ่อนลง

“เจ้าอาจจะขอนายท่าน  ลอร์ดสตาร์คจะเมตตาหากเจ้าขอกลับไปหานาง”

เด็กหนุ่มส่ายหน้าก่อนที่อีกฝ่ายจะจบคำ   "ข้าทิ้งวินเทอร์เฟลไปไม่ได้"

เมสเตอร์ลูเธอร์นิ่งเงียบ  ความเงียบของเขาเปลี่ยนบรรยากาศของห้องที่เคยอบอุ่นให้หนาวเย็น  ลูกแก้วสีเทาทั้งสองทอประกาย  เขาจำได้ว่าอาจารย์ตนเป็นเช่นนั้นเมื่อใช้สมองครุ่นคิดอะไรบางอย่าง  แต่ดีไวน์ไม่รู้ว่าชายชรากำลังขบคิดเรื่องใด

"เจ้าหนู  เจ้าอยู่ที่วินเทอร์เฟลเพื่ออะไร?"  ถ้อยคำนั้นทอดเสียงลงต่ำอย่างนุ่มนวล  

นุ่มนวลมากเกินไป....เด็กหนุ่มรู้สึก ถึงความเย็นที่วาบบนแผ่นหลัง  เขารู้จักท่าทีนั้นดี  เมสเตอร์ชราใช้มันในการค้นหาความจริงจากผู้คน  ช่วงเวลาที่เปลี่ยนนักปราชญ์ให้ราวกับมีเวทมนตร์  อ่านเขาลงไปถึงในใจ ถึงความคิดที่เขาเองอาจปิดซ่อน และแม้แต่ที่เขาเองไม่รู้ตัว  จากสีหน้าท่าทางและแววตา...

อย่างไรก็ตาม  เขามีคำตอบที่จะให้เพียงอย่างเดียว

“ข้าอยู่ที่นี่เพื่อรับใช้ลอร์ดสตาร์ค” ดีไวน์ตอบคำ  น้ำเสียงของเขามั่นคงเสมอ  และอย่างที่ลูเธอร์และคนอื่นๆในวินเทอร์เฟลรู้  ทุกครั้งที่เปล่งวาจา เด็กชายหมายความตามที่เขาพูดทุกคำ

เขาตัดสินใจแล้วตั้งแต่ลอร์ดแห่งวิ นเทอร์เฟลยื่นมือให้เขาที่ข้างทางราชมรรคาในคืนวันนั้น....เป็นปฏิญาณต่อตน เองที่ไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำกับทวยเทพทั้งเก่าใหม่องค์ใด  

“ข้าทิ้งวินเทอร์เฟลไม่ได้  แต่ข้ามีพันธะต่อนาง  เรเวนจะเป็นคำตอบของเรื่องนี้”

“ถ้าข้าเลือกจะไม่ช่วยเจ้าเล่า?” 
“ข้าก็จะหาทางอื่นที่จะส่งมันอยู่ดี” ท่าทีเด็กหนุ่มมั่นคงนัก  “แต่เมสเตอร์ลูเธอร์  ท่านเป็นอาจารย์ของข้า  ให้ข้าทำมันอย่างถูกต้องภายใต้สายตาของท่านเถอะ”  

ชายสูงวัยมองเขา  มองนิ่งนาน  ดีไวน์สะกดตนเองให้รอ  

“ถ้างั้นจงเขียนจดหมายของเจ้ามา  หากเจ้าทำมันได้ถูกต้อง  ข้าอาจจะส่งเรเวนออกไป”
เด็กหนุ่มทิ้งที่พักของเมสเตอร์ชราและหอ สื่อสารไว้เบื้องหลัง  เขาเดินท่ามกลางเสียงเรเวนที่กรีดร้องอยู่ด้านบน  ผ่านทางเดินหินสีเทาทะลุออกที่พื้นราบของปราสาท  ตัดลานกว้างโดยพยายามหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนกลับไปยังห้องของตนเอง   

ดีไวน์ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่เสียใจ คำนั้นเป็นคำโกหกซึ่งเขาจะไม่ยอมทำกับตนเอง  แต่เด็กหนุ่มจะไม่ยอมให้ใคร โดยเฉพาะชายชราสังเกตเรื่องนั้น

ประตูไม้ถูกเหวี่ยงเปิดออก  ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆเป็นของเขากับเพื่อนอีกสามคน  เริ่มแรกเด็กชายเป็นเพียงเด็กเลี้ยงม้า  เวลาผ่านไปเขายังคงเป็นแค่นักรบฝึกหัดที่ได้รับอนุญาตให้พักพิง  เป็นแค่เช่นนั้นย่อมไม่มีห้องส่วนตัว  แม้ว่าจะมีปัญหาอยู่บ้างเวลาต้องการใช้สมาธิครุ่นคิดกับอะไรบางอย่าง   แต่เขามักมีโชค  เช่นเดียวกับยามนี้ที่ภายในผนังหินว่างเปล่า  ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากลมหายใจของตนเอง

เป็นความกรุณาของทวยเทพที่เพื่อนของเขานิยมการสังสรรค์ 

ดีไวน์วางตะเกียงบนโต๊ะไม้  หยิบอุปกรณ์การเขียนออกมาจากที่เก็บของใต้เตียง  แผ่นกระดาษเปล่ามีเหลืออยู่ไม่มากนัก  หากแต่เมื่อจดหมายฉบับที่สามหายไปกับกองเพลิงเสียแล้ว  เขาก็จำต้องจรดปากกาลงเป็นคำรบสี่  

แสงไฟที่เคยใช้ทำลาย บัดนี้ช่วยส่องแสงไหววูบเพื่อให้หมึกสีดำวางตัวบนตำแหน่งที่ถูกต้อง  เด็กหนุ่มตั้งใจสะกดศัพท์แต่ละคำไม่ให้ผิดพลาด และเขียนสื่อความหมายที่ต้องการโดยไม่ยอมให้เนื้อความสั้นลงกว่าเดิม  เขาไม่อนุญาตให้ตนเกียจคร้าน  แม้ว่าบางที..ชะตากรรมของกระดาษตรงหน้าอาจจะไปจบลงโดยไม่ได้แตะแม้แต่ขนปีก เรเวนสักตัวนึงก็ตาม

ชีวิตเขามีสิ่งที่สำคัญมากถึงสองสิ่ง  เพราะเหตุนั้นมันย่อมไม่ง่าย

เขาจะอดทน พยายาม และรอคอย

เพราะเขาตัดสินใจแล้วว่าจะจ่ายทุกอย่างเพื่อมัน


-----

เมสเตอร์จำสีหน้าของเด็กชายได้ไม่ลืม ทั้งในครั้งแรกที่เขายอมผูกม้วนกระดาษเข้ากับนกสีดำนั่นเพื่อส่งมันขึ้นฟ้า และรอยยิ้มที่เขาคิดว่าเด็กหนุ่มคงไม่อาจทำได้  เมื่อนกเรเวนกลับมาพร้อมจดหมายฉบับนึง.....
“ไป”

ลูเธอร์รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อดีไวน์สั่งนกเรเวนในมือให้บินออกไปนอกหน้าต่าง 

“ไป” 

มันร้องเสียงของตนราวกับจะทวนตอบ  ก่อนสิ่งมีชีวิตสีดำจะโผร่อนออกไปยังท้องฟ้าที่สีไม่ต่างกับตัวมัน  เขามองตามร่างที่เล็กลงเรื่อยๆนั่นไกลออกไป...ออกไป  ไม่นานก็ลับหายจากสายตา

ชั่วครู่ที่คำพูดหนึ่งดังขึ้นในหัวเขา......ดีไวน์รักสัตว์โดยเฉพาะเรเวนสีดำ
เมสเตอร์ชราคิดอย่างขบขัน  หากแต่เขาไม่เคยแย้งออกไปหรอกว่าอีกาพวกนั้นมีความหมายกับเจ้าหนุ่มข้างตัวอย่างไร

“ท่านมีเรื่องต้องครุ่นคิดหรือเม สเตอร์”  นักรบหนุ่มละสายตาจากความมืดมิดกลับเข้ามาด้านใน  ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ไม่ผิดจากเดิม  ทว่าเขารู้...ดวงตาบ่งบอกว่าอีกฝ่ายนั้นใส่ใจ

ชายชราเอนหลังปล่อยศีรษะที่ประดับเส้น ผมสีขาวพิงกำแพง เขารู้สึกแก่ลงมากจริงๆเมื่อเทียบอายุตนจากความเปลี่ยนแปลงของคนตรงหน้า  “พออายุมากขึ้นเจ้าจะคิดมากและพูดน้อยลง  ถึงเจ้าจะพูดน้อยอยู่แล้วก็เถอะ” 

อีกฝ่ายไม่ได้ตอบคำ ซึ่งสนับสนุนทฤษฎีของเขาอย่างสวยงาม  เห็นได้ชัดว่านักรบหนุ่มในยามเด็กดูจะช่างเจรจามากกว่านี้....เล็กน้อย

“เจ้าจำคำถามที่ข้าเคยถามได้หรือเปล่า”  

ดีไวน์ขมวดคิ้ว  “ท่านเคยถามข้ามากกว่าหนึ่งคำถาม”

“เรื่องนั้นมันก็แน่อยู่แล้ว  ข้าเป็นครูของเจ้านี่นา”  เมสเตอร์ชราโคลงหัวอย่างที่ชอบทำเสมอเวลาอารมณ์ดี  “ข้าเคยถามเจ้าว่า  เจ้าอยู่ที่วินเทอร์เฟลเพื่ออะไร”

ลูเธอร์มองท่าทางของชายหนุ่ม อีกฝ่ายนิ่งงันไปเพียงครู่เดียวราวกับกำลังระลึกเรื่องราวก่อนตอบคำ  “ข้าจำได้”

“ถ้าข้าถามอีกครั้งตอนนี้ เจ้าจะตอบว่าอย่างไร?”

“ข้าอยู่ที่นี่เพื่อรับใช้ลอร์ดสตาร์ค  และคำตอบจะเป็นเช่นนั้นเสมอ”

เสียงนั้นกังวานชัดเจนในทุกถ้อยคำ  ที่ปรึกษาแห่งวินเทอร์เฟลได้ยินแล้วก็หัวเราะเบาๆ   

“ถ้างั้นวันนี้ข้าจะถามอีกอย่าง  ถ้าวันนึงเจ้าต้องเลือกว่าจะทำเพื่อท่านลอร์ดหรือเพื่อน้องสาวของตนเอง เจ้าจะเลือกผู้ใด”

ลูเธอร์เข้าใจว่ามันเป็นคำถามที่ยาก  เวลากว่าเจ็ดปีบ่งบอกความรักที่อีกฝ่ายมีแก่น้องสาวที่อยู่ห่างไกล  ขณะเดียวกันความภักดีในฐานะองครักษ์ของลอร์ดแห่งทิศเหนือก็ผ่านการพิสูจน์ มาไม่ต่างกัน  เมสเตอร์อยากรู้ว่าชายหนุ่มจะใช้เวลาเท่าใดในการคิดหาคำตอบ  ที่สำคัญเขาอยากรู้ว่าคำเฉลยจะเป็นอะไร

แต่ดีไวน์ไม่ได้ใช้เวลานานมากไปกว่าการขยับยิ้มฝืดเฝื่อนที่มุมปาก   และหลังจากทำเช่นนั้น  ชายหนุ่มก็ตอบกลับมา 

“ข้าไม่เลือกเมสเตอร์  อย่างที่ท่านเห็น  เพื่อการนั้นข้าจะใช้ทุกอย่างที่มีทำให้ทั้งคู่สมหวัง  ไม่ว่ามันจะยากเย็นและอาจโหดร้ายเพียงใด”  น้ำเสียงหนักแน่นสะท้อนไปมากับผนังสีเทา  ไม่มีความหวั่นไหวใดๆ 
“แต่หากชีวิตข้าซื้อได้เพียงหนึ่งอย่าง  ข้าจะตายเพื่อนายคนเดียว”  

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มย้ำวาจานั่น มันเป็นถ้อยคำที่เอ่ยจากคนตัดสินใจแล้ว ดุจเหล็กกล้าที่หลอมร้อนเย็นลง แข็งแกร่งยิ่งนัก  หักสะบั้นได้แต่จะไม่บิดเบี้ยวโค้งงอเป็นอื่นใด

และมันจะเป็นเช่นนั้น  ตราบจนดาบนั้นสิ้นคมกลายเป็นเศษเหล็กบนพื้นดิน....

He lives for two things.

He has fought  for them both.

But he’ll die for one.
End of sub-event 01
---------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น