เอนทรีนี้เป็นส่วนหนึ่งของ
==========================================================
the story of the afternoon tea time
Fragment memories 0
and
the story of love which is a fairytale
the story of love which is a fairytale
The fiction
:the first page
"วันนี้ว่างไหมครับ?"
"เก็บผ้าเสร็จก็น่าจะว่างแล้ว วันนี้ข้าไม่ใช่คนไปขายของน่ะ"
"มีโอกาสเสียทีแล้ว ผมจะขอไปรบกวนเวลาอาหารว่างยามบ่ายเสียหน่อยแล้วกัน"
"ถ้าอย่างนั้น....ข้าจะเตรียมถ้วยชาไว้เผื่อนะ"
ผลึกสีใสกลิ้งไปมาในมือ เขาโยนมันขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะแบเรียวนิ้วออกรับ น้ำหนักแผ่วเบาของมันตกต้องผิวหนังให้สัมผัสเรียบลื่น เขาสะบัดข้อเพื่อประคองมันไว้อย่างนุ่มนวล
มันเป็นของเล่นที่ไม่น่าสนใจชิ้นหนึ่ง
แต่มันก็เป็นความจริงเช่นกัน ว่าของเล่นชิ้นนี้คือสิ่งที่เขาไม่อาจตัดใจวางไว้ห่างกาย และมันถูกนับรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งในอุปกรณ์ที่เขาพกติดตัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
แค่ลูกแก้วสีใสลูกเดียวเท่านั้นเอง
...
ผู้ที่ตายแล้วไปยังที่แห่งใดกันนะ
จากไปยังที่ห่างไกล
หรือสิงสู่เช่นอากาศไร้รูปนาม
หากแม้นยังอยู่แล้ว จะถูกกักขังกับสิ่งแทนตัวหรือโบยบินอยู่ข้างผู้เป็นที่รัก
เธอโกรธรึเปล่านะที่จนตอนนี้ผมก็ยังแย่งชิงเธอมา
และหากเลือกได้แล้ว...เธอจะต้องการอยู่เคียงข้างผู้ใดมากกว่ากัน
จะเป็นผู้ร่วมสายเลือดที่เหลือเพียงคนสุดท้ายในโลก
หรือแค่เพื่อนที่นัดดื่มชากันคนหนึ่ง
"หายดีแล้วเหรอครับ"
"ดีขึ้น"
เสียงนั้นตอบพร้อมการปรากฎขึ้นของใบหน้าที่เหนื่อยหน่ายกับการปั้นยิ้ม
"หนึ่งสัปดาห์แล้ว ขืนอยู่นานกว่านั้นสงสัยจะเป็นอัมพาตแน่ๆ"
"ใจร้ายกับพี่สาวที่น่ารักจังนะเมลเมล.....ทานเค้กไหมครับ มีชีสเค้กบลูเบอรี่แน่ะ"
"ชากับเค้กไม่ใช่อาหารสำหรับคนสร่างไข้"
ว่าเรียบๆเช่นนั้น ก่อนชายหนุ่มจะลากเก้าอี้ที่ผนังห้องมานั่งข้างโต๊ะ มือหยิบส้อมที่วางไว้ข้างจานเค้กสีม่วงสวยแล้วกดน้ำหนักมันลง
"ไหนว่าไม่ใช่อาหารคนป่วย"
"ถ้าผมไม่กิน เอริคก็ไม่มีเพื่อนกินด้วยไม่ใช่เหรอไง?"
"นั่นสินะครับ"
"เรื่องที่เราเคยคุยกัน ผมคงต้องขอให้ช่วย"
"ได้เวลาแล้ว?"
"ความดีต้องรีบทำสิจริงไหม ไม่มีใครรู้นี่นาว่าเราจะมีชีวิตอยู่ไปจนถึงเมื่อไหร่"
"ทางนั้นมีเวลาอีกมาก อาจจะเป็นเวลาของทั้งโลก"
"เพราะฉะนั้นที่อาจจะไม่มีน่ะคือพวกเราไงครับ"
หิมะหยุดตกแล้ว ที่เหลืออยู่ก็แค่อากาศหนาวที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงของฟรอเซนไฮด์
ชายร่างสูงกระชับเสื้อโค้ทสีดำที่สวมทับอยู่ มือหอบหิ้วข้าวของหลายอย่างที่ได้จากทั้งคนที่ไปเยี่ยมเยือนและร้านเจ้าประจำ เท้าทั้งสองทำหน้าที่พาร่างเจ้าของผ่านตามเส้นทางที่มันคุ้นเคย...จากการเทียวไปมาอยู่ร่วมสามปี
เขาหยุดยืนนิ่ง ขมวดคิ้วเมื่อเห็นถนนซึ่งตัดผ่านทางข้างหน้าแยกออกเป็นสามทาง
ถนนเส้นนั้นเคยมีด้วยหรือ?
เขาทบทวนความจำของตนเองพลางนึกประหลาดใจ
รองเท้าบูททหารเหยียบย่ำพื้นพร้อมความสงสัย ตรงไปยังทางที่ความทรงจำบอกกับเขาว่ามันไม่คุ้นเคย
เขาไม่เคยเดินผ่านถนนเส้นนี้
เลห์มไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่ร้านรวงสองข้างทางนั้นแปลกใหม่เกินกว่าจะคิดได้ว่าจะสามารถเดินผ่านโดยไม่สังเกตเห็น ..แม้แต่กับคนอย่างเขา
โดยเฉพาะเมื่อที่นี่ขายบุหรี่ถูกดีทีเดียว
เขาเลือกที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า ดวงตากวาดมองสินค้ามากมายหลากหลาย เนื้อ ผัก ดอกไม้ อาวุธที่เขียนแปะป้ายหน้าร้านว่าอุปกรณ์ล่าสัตว์ เหล้าและเบียร์เป็นถังๆ ผู้คนล้วนผิดแผกไม่คุ้นตา แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอันใด
คนแปลกหน้าไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
เลห์มเดินด้วยอัตราเร็วสม่ำเสมอ ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะหยุดเคลื่อนไหวเมื่อมาถึงแผงลอยโทรมๆที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน
เขาจำสัญลักษณ์นั้นได้ดี
มือขวาที่พอจะว่างอยู่ขยับล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ทเพื่อหยิบขวดยาสีใส และตลับสีน้ำตาลทึบเข้มออกมา เขาได้มันมาจากตาลุงในหุบเขา ใช้สำหรับป้องกันอากาศหนาวและกันหิมะกัดเวลาจำเป็นต้องเดินทางในสถานที่ซึ่งภูมิอากาศทารุณ ตราที่ติดเอาไว้เหมือนกับร้านตรงหน้าไม่ผิดกัน
คงต้องซื้อเผื่อไว้อีกกระมัง
เขาเก็บของคืนที่เดิม สาวเท้าเข้าไปใกล้ตัวร้านเพื่อต่อแถว ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าแม่ค้าจะคุยกับลูกค้าคนสุดท้ายก่อนหน้าเขาเสร็จเรียบร้อย และหันมองตรงมา
มันเป็นใบหน้าที่เขาจำฝังใจเสียยิ่งกว่าตราสัญลักษณ์อื่นใด
"แม่มด"
ชายผิวแทนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน เช่นเดียวกับดวงตาสีแดงของหญิงเจ้าของร้านที่เบิกกว้าง สีหน้าเรียบเฉยนั้นแปรเปลี่ยนไป....เป็นร่องรอยที่ชัดเจนของความคับแค้นและเกลียดชัง
"ฆาตกร"
-----------------------------------------------------------------------------------
Fragment memories 0 & the first page of the fiction
END
-----------------------------------------------------------------------------------
ไม่ทันวาเลนไทน์อ่ะ ช้ำใจ ; - ;
เจอกันซะทีนะ
เฮ้อ
เจอกันซะทีนะ
เฮ้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น