หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[EBF][Lehm] for the sake of the dead men

 เอนทรีนี้เป็นส่วนหนึ่งของ


---------------------------------------------------------------------

After the main event  : Intrusion




Lehm Leisel
#3136



Response to

01 : Magnitude 6
by matchavaree

by น้องมี่






" นาวาอากาศตรีซาคอน เซฟิรอส" 







"  เรืออากาศโทอัลคอร์ มิซาร์ เอลิเชีย "









"......เราขอไว้อาลัยให้แก่ทหารกล้าผู้จากไป......"







ทิวแถวสีขาวและแดงอันเกิดจากมนุษย์นับพันจัดวางตัวอย่างเป็นระเบียบบนพื้นราบ

เสียงของแตรดังก้องสะท้อนตามหลังถ้อยคำสละสลวยไว้อาลัย

มือขวาของผู้มีชีวิตวันทยาหัตถ์ภายใต้แสงอาทิตย์แรงกล้าแด่โลงศพของพวกพ้อง





หนึ่งเพื่อเคารพ 



สองเพื่อรำลึก



สามเพื่อตอกย้ำถึงความจริงที่อาจถูกหลงลืมไป












ว่าสงครามที่ไร้ความสูญเสียอันใดย่อมไม่มี
























[13/02/1028 : 2.34 PM : FROZENHYDE]








'200 เมตรจากที่หมายตามพิกัด'







"ผมถือไรเฟิลได้แล้วนะ "

"โฮ่.....ถือไหวแล้ว? " 






'ลดระดับเพดานบิน'






"รอก่อนทหาร อีกไม่กี่วันชั้นจะเป็นเศรษฐี"

"กี่วันล่ะเรือโท" 

"6วัน ถ้ามันเกิดขึ้นจริงจะพาแกไปเลี้ยงชุดใหญ่ หึหึ"

"ข้าจะรอก็แล้วกัน"







'นับถอยหลังเพื่อลงจอด'







 "เหล้าได้ ก็น่าจะดื่มน้ำอย่างอื่นได้?"

" กินแต่น้ำจะโตได้ยังไงกัน แต่เจ้านี่ไม่เห็นมีปาก "

" ถ้างั้นน่าลองให้พวกอาหารเหลวดูไหม?"


"ข้าวโอ๊ตต้ม? " 

"แต่คงต้องบดละเอียดๆ"








'3'






"ข้ายังไม่เคยเห็นตอนเรือโทถูกรางวัล"

"ไม่เคยเห็น ไม่ได้แปลว่าไม่เคยถูก เพราะมันยาก ถึงได้ท้าทาย เพราะท้าทาย ถึงสนุก"

"เพราะสนุกจึงถูกกิน "

"ไปวิ่งรอบสนาม100รอบไป!!"







'2'







"ดึกแล้ว ถ้าคุณไม่ได้อยู่เวรกะนี้ก็ไปพักผ่อนเอาแรงก่อนเถอะ"

"อีกสามสิบนาทีข้าจะผลัดเวร  เจ้าเองก็พักผ่อนให้ดี  โชคดีอัลคอร์"



"ราตรีสวัสดิ์ คุณเลห์ม"









'1'








 "ที่คุณเคยบอกผมว่าอย่าตาย ... ผมเอง ก็ไม่อยากให้คุณตายเหมือนกัน .. "








'การลงจอดเสร็จสิ้น'







และข้าก็ไม่ใช่คนที่ตาย









รองเท้าบูทหนาหนักย่ำลงบนพื้นหิมะสีขาวที่ยังคงปกคลุมบริเวณอยู่ตลอดทั้งปีทั้งชาติไม่เคยเปลี่ยน  มันจมลึกลงไปเล็กน้อยทิ้งรอยบ่งบอกถึงการถูกรุกรานดินแดนจากสิ่งมีชีวิตที่มีน้อยนักในพื้นที่แถบนี้  ชายชุดดำไม่สนใจในเรื่องนั้น  เขาลากเครื่องยนต์ที่ทิ้งรอยทางยาวลึกกว่าไปยังบริเวณที่หิมะถูกกวาดออกเสียจนเบาบาง  จัดขาตั้งของมอร์เตอร์ไบค์ให้เข้าที่  ตรวจสภาพให้แน่ใจว่าพาหนะประจำตัวทรงตัวได้อย่างเหมาะสม  ก่อนจะสาวเท้าที่มีเพียงสองเท้าไปยังประตูบ้าน


บานไม้สีน้ำตาลเข้มเหวี่ยงเปิดออกเฉียดตัวไปเพียงนิดเดียว  ตามมาด้วยควันสีเทาที่ลอยมากระทบใบหน้า


"หลังจากพายุหิมะ  ก็เป็นเจ้าที่มาเคาะประตูบ้านข้างั้นเหรอไอ้หนุ่มไลเซล"


น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยจากเจ้าบ้านที่ริมฝีปากเหยียดออกเป็นรอยยิ้ม  กลิ่นยาเส้นฉุนๆลอยอ้อยอิ่งพร้อมควันจากไปป์ที่เจ้าตัวถือกลิ้งไปมาอยู่ในมือ


"ข้ายังไม่ได้เคาะประตู"


เลห์ม ไลเซลเอ่ยตอบ  เรียกเสียงหัวเราะในลำคอจากชายสูงวัย ก่อนคนที่ดูหนุ่มกว่าจะแทรกตัวเดินเข้าไปด้านในบ้านโดยไม่รอคำเชิญจากอีกฝ่ายแต่อย่างใด








กลิ่นยาเส้นผสมผสานกับกลิ่นกาแฟให้ฆานสัมผัสประหลาดภายในผนังอิฐสีเทา  ไฟจากเตาผิงลุกโชน  ช่วยให้อุณหภูมิที่เหน็บหนาวจากสายลมภายนอกเพิ่มสูงขึ้นพอที่จะไม่โหดร้ายเกินไปนักเมื่อถอดเสื้อโค้ทหนาออกจากตัว


เลห์มวางถุงกระดาษที่ถือติดมือมาไว้บนโต๊ะ  ทรุดตัวลงนั่งยังเก้าอี้ไม้เก่าๆที่อยู่ข้างกัน  ขณะที่เจ้าบ้านขโยกเขยกกลับไปลับสายตาทางตู้ด้านหลัง  ครู่หนึ่งจึงกลับมาพร้อมแก้วสังกะสีใบใหญ่สองใบและจานขนมปังสีน้ำตาลแก่ก้อนนึง


เสียงก้อก ก้อกจากขาเทียมไม้ของอีกฝ่ายกระทบพื้นดังสม่ำเสมอราวกับจังหวะจากเข็มนาฬิกา   เขารอจนชายสูงวัยนั่งลงบนเก้าอี้ที่โกโรโกโสพอกัน  มือยื่นแก้วมาให้  จึงได้รับมันมาพร้อมขมวดคิ้ว เอ่ยปากถามสิ่งที่สังเกตเห็นแต่แรกจนกลิ่นแรงๆของแอลกอฮอล์เป็นคำตอบของเครื่องดื่มที่ไม่ขึ้นไอ


"คราวนี้ไม่ใช่โกโก้ร้อน?"


เขาคงไม่จำเป็นต้องถาม  ถ้ามันจะไม่ใช่เครื่องดื่มชนิดเดียวที่อีกฝ่ายจงใจเสิร์ฟให้ในการมาเยือนทุกครั้งไม่ว่าเขาจะพยายามประท้วงอย่างไรก็ตาม


"เหล้าเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกว่าสำหรับช่วงไว้ทุกข์"


เจ้าของบ้านเอ่ยอย่างเรียบง่ายพลางกระดกให้ของเหลวสีเหลืองทองในแก้วไหลลงลำคอ  เขาใช้แขนเสื้อปาดเช็ดไรหนวด  มองตรงมาที่แขกคนเดียวของตน  ข้อความบางอย่างคงถูกส่งให้แกผ่านอวจนภาษา  เสียงแหบห้าวจึงกล่าวเสริม


"ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าข้าฉลาด  ทีนี้จะเชื่อได้หรือยัง  และแทนที่จะทำหน้าแบบนั้นก็ร้องไห้เสียบ้างก็ได้นะไอ้หนุ่ม  ตาแก่คนนี้คงไม่มีปัญญาจะเอาไปบอกใคร"


"ความตายในสนามรบเป็นสิ่งที่ข้ารู้จักดีอยู่แล้ว"  เลห์มขมวดคิ้วกล่าวแย้งคำ


ผู้ฟังหัวเราะหึหึในลำคอ  หากแต่ไม่มีสำเนียงของความขบขันอยู่ภายในนั้น  ริมฝีปากเหี่ยวย่นไม่ยกยิ้ม  ไม่เหลือแม้แต่ความเยาะหยันที่มักปรากฎในแววตา



"มันไม่เคยง่ายขึ้นเลย เจ้าว่าจริงไหม"


...



ดวงตาสีแดงจ้องมองคู่สนทนานิ่งนาน


คำพูดหรือการกระทำใดๆแม้แต่การผงกศีรษะก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น   เมื่อคนตรงหน้าเองก็ผ่านมันมาจนสามารถรับรู้และเข้าใจได้เช่นเดียวกัน


"เพื่อนดีๆงั้นเหรอ?"


"เพื่อนร่วมกองทัพ"


"จากคำสาปของเจ้า?"


"ครั้งนี้ข้าไม่ได้ตาย"


"ออ....งั้นก็เพื่อนที่ดี"


"หัวหน้าที่สั่งแต่อะไรไร้สาระและหมกมุ่นกับการเสี่ยงโชค  ปีศาจที่กินกาแฟใส่น้ำตาลห้าช้อนน่ะเหรอ"


เขาเงียบไปพักก่อนจะผ่อนลมหายใจช้าๆ  


"พวกเขาดี"




ใช่...

แต่ความดีไม่เคยปกป้องใครจากความตาย





"ตายในสนามรบคือเกียรติสูงสุดของทหาร"


"เจ้าหาคำหลอกตัวเองได้ดี"


แก้วสังกะสีถูกขยับยื่นออกมาห่างตัว  เสียงแหบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังและมั่นคงเป็นการเป็นงานอย่างที่เขาไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะทำเป็น


"แด่เกียรติแห่งผู้วายชนม์"


เสียงของโลหะกระทบกันดังสะท้อนในความเงียบ  ตามด้วยเหล้ารัมที่ถูกรินไหลผ่านลำคอ  เพิ่มความอบอุ่นในช่วงเวลาที่เหน็บหนาวอันไม่ได้เกิดจากเพียงหิมะของฟรอเซนไฮด์







__________________________________________


 
'จงสรรเสริญโลหิตที่ตกต้องสนามรบ   จงยกย่องทหารผู้พลีชีพในสงคราม

เพราะหากเราผู้ยืนอยู่ในสมรภูมิเดียวกันยังเห็นมันเป็นเรื่องไร้ค่า

ความตายของพวกเขาก็จะไม่มีความหมายอะไรเลย'



---กฎตระกูลไลเซลข้อที่ 11---
 


__________________________________________


For the sake of the dead men






End

__________________________________________






- RIP สาคร
- RIP อัลคอร์
- เจ็บมาก เลห์มรู้จักคนไม่กี่คน  ตายกันรัวๆ
- ฮือออออออออออ อยากโวยวายฟูมฟาย  แต่ทั้งหมดนั่นเลห์มจะไม่ทำ
- ขอให้หลับอย่างสงบ....แล้วเจอกันใหม่.....
- คุณลุงก็แค่ NPC ที่เลห์มเทียวไล้เทียวขื่อไปหาบ่อยๆด้วยเหตุผลบางประการ
- ไลเซลแม่มบ้า.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น